นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจแลtดีแทค แอคเซลเลอเรท DTAC กล่าวว่า ภาครัฐและภาคเอกชน ต่างก็พยายามช่วยกันผลักดันในการสร้างระบบ Eco-System ของสตาร์ทอัพไทย เพื่อสร้างโอกาส สร้าง Business Model หาแหล่งเงินทุน และเร่งรัดการเติบโตของ Startup เพื่อนำธุรกิจสตาร์ทอัพก้าวไกลสู่สากล
ปัจจุบันสตาร์ทอัพไทยหลายๆบริษัทต้องไปจดทะเบียนบริษัทที่ต่างประเทศอย่างสิงคโปร์หรือมาเลเซียกันมาก ซึ่งทางภาครัฐเองสามารถเข้ามาช่วยสตาร์ทอัพไทยในส่วนนี้ได้ในแง่กรอบของนโยบายรวมถึงกรอบของกฏหมายที่จะเอื้อให้แก่ สตาร์ทอัพไทยสามารถแข่งขันกับสตาร์ทอัพ ประเทศเพื่อนบ้านได้ ตัวอย่างเช่น นโยบายทางด้าน Capital gains tax ของสตาร์ทอัพ ถ้าเกิดการ Exit หรือการขายบริษัทได้ควรจะคำนึงถึงประโยชน์ให้กับสตาร์ทอัพไทยมากกว่านี้ หรือในแง่ของนักลงทุนต่างชาติเองที่น่าจะสามารถปรับให้สามารถถือหุ้นเกิน 49% ได้ รวมทั้งเปิดช่องกฏหมายให้สตาร์ทอัพไทยมี ESOP (Employee Stock Option) ให้กับพนักงานได้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะปัจจุบันเรื่องเหล่านี้พอเป็นสตาร์ทอัพ ที่จดทะเบียนในไทยจะไม่มีช่องให้กับสตาร์ทอัพได้ทำธุรกิจไปต่อได้เท่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซียหรือรวมทั้งเวียดนามที่มีการปรับนโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้กันไปแล้ว
วันนี้ ดีแทค แอคเซลเลอเรท จะเข้ามาสนับสนุนและร่วมมือกับภาครัฐเพื่อส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยให้มีการขยายตัวและเติบโตได้ทั้งในไทยและในต่างประเทศ โดยได้จัดโครงการดีแทค แอคเซลเลอเรท อย่างต่อเนื่องทุกปีมาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว เป็นโครงการที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากสตาร์ทอัพ เนื่องจากโครงการมีจุดแข็งในหลักสูตรการเรียนการสอนสตาร์ทอัพระดับโลกจากซิลิคอน วัลเล่ย์ พร้อมทั้งสนับสนุนเงินทุนในรูปแบบเงินร่วมลงทุนในช่วงเริ่มต้น (seed fund) และสนับสนุนในด้านพันธมิตรเชิงกลุยทธ์ (Strategic Alliance) เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าของดีแทค และ เทเลนอร์ กว่า 200 ล้านคนทั้ง 13 ประเทศทั่วโลก
รวมถึงส่งเสริมชุมชนสตาร์ทอัพไทยด้วยการจัดตั้ง HANGAR Co-Working Space, ซึ่งถือเป็น No.1 Community of Innovation เพื่อให้เป็นสถานที่ทำงานพบปะสังสรรค์ของสตาร์ทอัพไทย ทั้งยังเป็นสถานที่จัดงาน ประชุมและกิจกรรมต่างๆของนักพัฒนาโปรแกรม (developer) ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นประจำที่ HANGAR ในปีนี้ทางโครงการดีแทค แอคเซลเลอเรท กำลังจะเริ่มรับสมัครสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการปีที่ 4 หรือ bath#4 ในเดือนมีนาคมนี้