"ปี 58 ที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับเอเชียค่อนข้างชะลอตัว แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคยังคงเติบโตได้ดี..ปีที่ผ่านมาบริษัทมีความก้าวหน้าต่อเนื่องตามแผน ทั้งรายได้จากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ทั้งมูลค่าพอร์ตและจำนวนบัญชี และสามารถรักษาระดับสัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิได้ดี สวนกระแสกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง"นายระเฑียร กล่าว
นายระเฑียร กล่าวว่า บริษัทมีรายได้รวมปี 58 เท่ากับ 15,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีค่าใช้จ่ายรวม ไม่รวมภาษีเงินได้ 12,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% โดยเป็นค่าใช้จ่ายการบริหารงาน 6,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากค่าธรรมเนียมจ่ายที่สูงขึ้น จากการที่บริษัทจ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่บริษัทภายนอกในการใช้บริการติดตามทวงหนี้นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 58 เป็นต้นมา และมีหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 4% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินให้ลดลง 8% แต่ด้วยสัดส่วนของรายได้ที่เติบโตสูงกว่า ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยายตัวขึ้น
บริษัทมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) 24,640 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 6,610 ล้านบาท อัตราส่วนของหนี้สินต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.89 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
สำหรับข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 58 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 60,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 55,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ฐานสมาชิกรวม 2.6 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น
พอร์ตบัตรเครดิต 69% ของลูกหนี้รวมสุทธิ จำนวนบัตรกว่า 1.88 ล้านบัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 38,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% พอร์ตสินเชื่อบุคคล 31% ของลูกหนี้รวมสุทธิ จำนวนสมาชิก 747,343 บัญชี ยอดลูกหนี้ สินเชื่อบุคคลสุทธิ 17,073 ล้านบาท ขยายตัวที่ 12% ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) บัตรเครดิตลดเหลือ 1.3% จาก 1.7% และ NPL สินเชื่อบุคคลเท่ากับ 1.0% จาก 1.2% โดยมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมทั้งปีเติบโตที่ 12.3%
นายระเฑียร กล่าวอีกว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของเคทีซีในปี 59 จะยังคงเข้มข้น สานต่อจากนโยบายปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยบริษัทมีเป้าหมายจะรักษามูลค่ากำไรให้อยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรให้เติบโตต่อเนื่อง โดยจะขยายฐานการรับสมัครสมาชิกใหม่เพิ่มเติมและขยายสมาชิกในต่างจังหวัด หัวเมืองใหญ่ๆ ผ่านช่องทางการจัดหาสมาชิกที่หลากหลาย และกลไกการบริหารความสัมพันธ์กับผู้แทนขายแบบยั่งยืน
บริษัทมีแนวทางการทำธุรกิจในแต่ละด้านดังนี้ ธุรกิจบัตรเครดิต จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ บริการที่หลากหลาย โดยโฟกัสกลุ่มสมาชิกระดับบนที่มีศักยภาพด้านการใช้จ่าย และเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ,ธุรกิจสินเชื่อบุคคล จะพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สินเชื่อพร้อมใช้ “KTC PROUD" โดยมุ่งขยายฐานสมาชิกใหม่และทำตลาดเฉพาะเจาะจง ,ธุรกิจร้านค้ารับบัตร จะเน้นรุกเข้าธุรกิจประเภทใหม่ ขยายสู่ตลาดต่างจังหวัดและร่วมมือใกล้ชิดกับธนาคารกรุงไทย
นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยการศึกษากลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตตามกระแสหรือมีศักยภาพ หรือเป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของสมาชิก และการสร้างกิจกรรมการตลาดที่ส่งเสริมให้สมาชิกพึงพอใจ และสร้างพฤติกรรมการใช้บัตรที่เพิ่มความหลากหลายขึ้น