นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า ทอท.ได้มีทิศทางที่จะขับเคลื่อนและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมสำหรับท่าอากาศยาน 3 แนวทาง คือ 1) การขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดการรังสรรค์นวัตกรรมบริการรูปแบบใหม่ (Service Innovation) ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับความต้องการของผู้โดยสารและสายการบินต่างๆ ที่มาใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท.ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเพิ่มคุณภาพการบริการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้โดยสารและสายการบิน
2) การยกระดับความสามารถทางนวัตกรรม (Innovation Capabilities) โดยการฝึกอบรมพนักงานให้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมร่วมกับหน่วยงาน วิจัยที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อพัฒนาการให้บริการของท่าอากาศยาน
และ 3) การดำเนินโครงการสร้างโอกาสและเชื่อมโยงธุรกิจนวัตกรรมไทย (Business Opportunity) ผ่านท่าอากาศยานสำคัญของไทย เพื่อรองรับการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมของไทยให้มีโอกาสใช้ช่องทาง ทอท.ในการเผยแพร่และแนะนำสินค้านวัตกรรมของไทยให้นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ (Thailand Innovation Showcase @ AOT)
นอกจากนั้น ยังสามารถจัดเป็นโครงการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ทางนวัตกรรมให้เชื่อมโยงกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Innovation Networking Zone) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการขนส่งเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายและการให้บริการให้มีมาตรฐานสนับสนุนบริการขนส่งมวลชนและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
นายนิตินัย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง ทอท.และ สนช.มีส่วนช่วยให้การบริการในอุตสาหกรรมการบินและภาคขนส่งสามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจใหม่ที่เกิดจากการร่วมรังสรรค์ให้เกิดสิ่งใหม่และบริการใหม่สำหรับผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน สายการบินในประเทศและต่างประเทศ ชุมชนหรือพื้นที่บริเวณโดยรอบ ธุรกิจการบินและการท่องเที่ยว รวมถึงร้านค้าจำหน่ายสินค้า ตลอดจนการนำนวัตกรรมเหล่านี้มาพัฒนาการบริหารจัดการท่าอากาศยาน และการให้บริการผู้โดยสาร เพื่อให้อุตสาหกรรมการบินของไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ปัจจุบันปริมาณการขนส่งทางอากาศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทอท.ในฐานะผู้ให้บริการท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่งของประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของนวัตกรรม เพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี
นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า ที่ผ่านมา สนช.เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้าง “วัฒนธรรมนวัตกรรม" และส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศด้านนวัตกรรมขึ้นภายในประเทศ โดยได้ส่งเสริมให้หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจของไทยที่มีบุคคลากรคุณภาพและเข้มแข็ง ได้เข้ามาร่วมสร้างแนวคิดและนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศทางนวัตกรรม อันจะช่วยส่งเสริมให้กิจการของรัฐมีโครงสร้างในการดำเนินงานทางนวัตกรรมที่ชัดเจน ไม่เฉพาะเพียงแค่การอบรมทั่วไปแต่เป็นการนำกระบวนการทางนวัตกรรมมาใช้เพื่อเร่งความสามารถของบุคคลกรให้สามารถคิดค้นและสร้างสรรค์ผลงานที่สอดคล้องและเหมาะสมกับธุรกิจและเป็นที่พึงพอใจสำหรับผู้รับบริการ
และที่สำคัญคือการส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรมนี้ยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการนำงานวิจัยจากภายในประเทศมาสร้างประโยชน์ และนำไปสู่การส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรม โดยความร่วมมือในครั้งนี้ สนช.เห็นว่าอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต (Thailand’s New S-Curve) และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์รัฐบาล เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จึงได้กำหนดรูปแบบการพัฒนาศักยภาพนวัตกรรมที่สอดคล้องกับทิศทางของ ทอท.ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมสำหรับใช้ในการดำเนินธุรกิจท่าอากาศยาน ซึ่งมีทั้งหมด 6 รูปแบบ ได้แก่ (1) การสร้างประสบการณ์ในการเดินทาง (2) การดูแลและรักษาความปลอดภัย (3) การบริหารจัดการนวัตกรรมท่าอากาศยาน (4) การบริหารจัดการพลังงาน (5) การเข้าถึงสนามบิน และ (6) การบริหารจัดการพื้นที่