ทั้งนี้บริษัทฯคาดหวังอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 1% จากปีก่อนอยู่ที่ 5.01% โดยจะมาจากการดำเนินการลดต้นทุน และการย้ายฐานการผลิตมาอยู่ที่ จ.ระยอง ซึ่งจะส่งผลทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯวางงบลงทุนไว้ 600 ล้านบาท แบ่งเป็น 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานใหม่ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โรงฉีดพลาสติก ทำให้กำลังการผลิตน่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 75% จากเดิม 65% และส่วนที่สอง โรงประกอบ OEM ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5 แสนชิ้นต่อเดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในไตรมาส 2/59 และเดินเครื่องผลิตได้ในไตรมาส 3/59 และอีกจำนวน 300 ล้านบาท บริษัทฯจะใช้ในธุรกิจเดิม ในการซื้อเครื่องจักรใหม่มาแทนเครื่องจักรเก่า
ขณะที่โรงงานเดิมที่แหลมฉบัง บริษัทฯได้มีการพิจารณาใน 2 แนวทาง โดยจะใช้เป็นพื้นที่รองรับบริษัทร่วมทุน ที่จะเข้ามาใช้โรงงาน และเปิดให้ลูกค้าเข้ามาเช่าใช้ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ไม่เกินไตรมาส 3/59
นอกจากนี้บริษัท เอส เอ็น ซี ฟูกูอิ โฮลี อินซูเลชั่น จำกัด (SFHI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรไต้หวันและญี่ปุ่น โดยประกอบธุรกิจผลิตฉนวนที่ใช้ในแอร์รถยนต์และแอร์บ้าน และบริษัทร่วมทุน ชื่อ บริษัท เมอิโซะ เอสเอ็นซี พริซิชัน( จำกัด (MSPC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยประกอบธุรกิจแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก, ชิ้นส่วนแม่พิมพ์ คาดว่าจะสามารถกลับมามีกำไรได้ปีนี้ และมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางของการเข้าร่วมทุน โดยจะเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ประกอบกับก็ไม่ได้ปิดกั้นที่จะมองหาธุรกิจอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้
"ปัจจุบันเราก็มีคุยอยู่กับพันธมิตร แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไร ซึ่งก็ยังรอดูในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจไปก่อน ขณะที่ปีนี้เรายังคงโฟกัสที่ธุรกิจเดิม และธุรกิจที่ร่วมทุนอยู่ให้มีการเติบโตไปได้ ส่วนไตรมาส 1/59 มองแนวโน้มน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจในปีนี้"นายสามิตต์ กล่าว