"ขณะนี้มีกองทุนต่างประเทศราว 3-4 รายแสดงความสนใจเข้ามาพบ บริษัทเองก็มีแผนจะเดินสายไปทำโรดโชว์หลายประเทศอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งสิงคโปร์ อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ในข่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.นี้"นายแพทย์สุวิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สุวิน ยังยืนยันว่าจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ของ BEAUTY ในระดับเดิม คือ ราว 38% ขณะที่บริษัทไม่ได้มีการกำหนดเพดานการถือหุ้นของต่างชาติไว้ แต่หากกองทุนจะเข้ามาถือหุ้นเพิ่ม ก็คงจะต้องเข้าไปซื้อผ่านกระดานซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ หรือซื้อจากผู้ถือหุ้นรายอื่น
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 ไม่ต่ำกว่า 2.1 พันล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อนที่คาดว่าจะมียอดขายทะลุเป้าหมาย 1.7 พันล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 4/58 ทำยอดขายได้สูงสุดของปีในช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และ ปีนี้ยังรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 20% เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ประกอบกับบริษัทมีช่องทางการขายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตรงต่อความต้องการของเทรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถในการขายและมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์มากขึ้น
บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ที่ 170-190 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนเปิดสาขาใหม่ 100-110 ล้านบาท และใช้ในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต 70-80 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเปิดคลังสินค้าและศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่ในไตรมาส 1/59 พร้อมทั้งนำไปพัฒนาและสร้างแนวความคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซ ในการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยมองว่าภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางปีนี้ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคยุคปัจจุบันทุกช่วงวัยต่างให้ความใส่ใจสุขภาพ ความงามและผิวพรรณมากขึ้น
ปีนี้ BEAUTY มีแผนขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็นในประเทศ เพิ่มสาขา BEAUTY BUFFET 30 สาขา BEAUTY COTTAGE 15 สาขา และ BEAUTY MARKET 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขารวม 310 สาขา ขณะที่ต่างประเทศมีแผนขยายสาขา Independent shop จำนวน 18 สาขา จากปัจจุบัน 32 สาขา กระจายอยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา 7 สาขา ลาว 2 สาขา พม่า 2 สาขา และเวียดนาม 21 สาขา ซึ่งบริษัทจะตั้งงบลงทุนในระดับนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีเพื่อขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
และเมื่อเดือน ม.ค.59 ที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นสัญญาตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซียในรูปแบบ Shop in Shop ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีสาขา Shop in Shop ในอินโดนีเซีย จำนวน 15 สาขาและมีแผนเปิดเพิ่มอีก 6 สาขาในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศเอเซียด้วยการไปออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศพร้อมทั้งพิจารณากลุ่มลูกค้าขายส่งที่มีศักยภาพในปัจจุบัน เช่น ไต้หวัน และฮ่องกงไปเป็นตัวแทนจำหน่ายในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 6-7% ภายใน 5 ปีข้างหน้า จากราว 1% ในปี 58
นายแพทย์สุวิน กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ศึกษาโอกาสการขยายธุรกิจไปยังประเทศจีน เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้ามาซื้อสินค้าของบริษัทเข้าไปจำหน่ายในประเทศจีนบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งตัวแทนขายอย่างเป็นทางการและยังไม่มีการตั้งสาขาร้าน BEAUTY เพราะการทำธุรกิจในจีนยังต้องมีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะด้านกฎหมายธุรกิจ และการควบคุมผลิตภัณฑ์อาหารและยา เป็นต้น ดังนั้น บริษัทจึงไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปหากไม่มีความพร้อมเพียงพอ
"จีนตอนนี้เรามีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าจะไปจีนก็คงต้องใช้ Product นำไปก่อน ยังไม่เปิด shop เร็ว ๆ นี้ เพราะต้องระมัดระวังอย่างมาก มีกฎหมายหลายข้อที่ต้องศึกษาให้ดี แม้ว่าจะมีผู้ติดต่อเข้ามาค่อนข้างมาก แต่เราก็คงยังต้องใช้เวลาในการเจรจา"นายแพทย์สุวิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายในด้านต่าง ๆ ทั้งการขายผ่าน Modern Trade ร้านสะดวกซื้อ และออนไลน์เต็มรูปแบบ ซึ่งในส่วนของออนไลน์จะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มยอดขายจากตลาดจีนได้ด้วย เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก มีการใช้ช่องทางออนไลน์ในการเลือกซื้อสินค้าทุกประเภทมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา BEAUTY ได้ทดลองจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆผ่านทาง facebook และเว็บไซต์ต่างๆ พบว่ามีกระแสตอบรับดีเป็นอย่างมาก มีอัตราการเติบโตของยอดขายกว่า 300%
"ปีนี้เราจะเน้น Multi Brand Multi Channal และ Multi Product ลูกค้าผู้หญิงมีไลฟ์สไตล์ที่ใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น เราจะปรับปรุงเว็บ Beauty Plaza Online ให้ทำอีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ บริษัทจึงวางเป้าหมายที่จะรุกตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีรายได้เติบโตก้าวกระโดด โดยคาดว่าปีนี้จะทำยอดขายผ่านออนไลน์เพิ่มเป็นเท่าตัว หรือราว 44 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ราว 20 ล้านบาท"นายแพทย์สุวิน กล่าว
นายแพทย์สุวิน ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังจะมีการปรับปรุงขั้นตอนด้านปฏิบัติการภายในองค์กรในปีนี้ ภายใต้กลยุทธ์การเติบโตที่ต้องมองภายในตัวองค์กร ซึ่งจะมีการปรับปรุง process ด้านต่าง ๆ ทั้งการออกสินค้าใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ยอดขาย การจัดเรียงสินค้า ด้วยหลักการ space management และ การจัดการ product life cycle รวมถึงการทำการตลาดและการออกแคมเปญต่าง ๆ ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จะเข้มข้นขึ้นในปีนี้ เป็นการพัฒนาทุนมนุษย์ ฝึกอบรม และถ่ายทอดความรู้ภายในองค์กร