ขณะที่รายได้จากธุรกิจพลังงานมีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ เพราะโครงการที่เริ่มรับรู้รายได้ในปลายปี 58 จำนวน 23 เมกะวัตต์ จากแผนลงทุนรวม 2 เฟสจำนวน 33 เมกะวัตต์ จะรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้ ส่วนโครงการอื่นๆ ที่ลงทุนและร่วมลงทุนไว้ในปี 58 จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นไป โดยคาดว่าภายในปี 59 จะสามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟไม่น้อยกว่า 80 เมกะวัตต์
นอกจากนั้น ยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังมีอีกมาก โดยเฉพาะจากพลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลพิษอย่างไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในประเทศและต่างประเทศดังกล่าว
สถานการณ์ของธุรกิจของ CHOW ในปัจจุบันยังแข็งแกร่งและมีทิศทางการเติบโตที่ดี ทั้งธุรกิจเหล็ก และธุรกิจพลังงาน โดยมองว่าในปี 59 ความต้องการใช้เหล็กในประเทศจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากที่ภาครัฐใช้มาตรฐาน มอก.เข้ามาควบคุมคุณภาพเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ และการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ธุรกิจพลังงานจะเห็นความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าโครงการต่างๆ ที่ได้ริเริ่มไว้ในปี 58 ทั้งโครงการที่ได้ลงทุนโดยตรง และโครงการที่ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตร ซึ่งจะสะท้อนรายได้จากธุรกิจพลังงานเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ
นายอนาวิล กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 4/58 โรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นได้เชื่อมต่อสายส่งและขายไฟเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากจำนวน 8.48 เมกะวัตต์ในไตรมาส 3/58 มาเป็น 23 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากธุรกิจพลังงานในไตรมาส 4/58 เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/58 บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงาน สามารถพลิกจากขาดทุน 14.61 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/57 มามีกำไรสุทธิ จำนวน 36.27 ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 348% และส่งผลให้ผลประกอบการในงวดสะสม 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 58.50 ล้านบาท