ด้านภาพรวมธุรกิจเอสเอ็มอีไทยในปีนี้ มองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้ 4-5% จากการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น 20% ของงบประมาณทั้งหมด คิดเป็นเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบกว่า 2 แสนล้านบาท รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆเพื่อเร่งการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ซึ่งหนุนให้ธุรกิจในกลุ่มก่อสร้างและอาหารเครื่องดื่ม ขยายตัวได้ดีในปีนี้ ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์,สินค้าเกษตร โดยรวมอาจยังชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันและปัญหาภัยแล้ง ขณะที่มีความเสี่ยงที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะเพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ "อยากให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มเติม โดยเฉพาะการพิจารณาขยายมาตรการค้ำประกันสินเชื่อของบสย.เพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่แล้วออกมาช้าไปตอนเดือนกันยายน ทำให้ช่วยภาคเอสเอ็มอีได้เพียงนิดเดียว"นายไตรรงค์ กล่าว
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 59 มองว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ 3-3.5% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกและจีนยังชะลอตัว ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และมีความผันผวนในตลาดเงิน รวมถึงการส่งออกจะไม่ขยายตัว แต่ยังเชื่อว่าภาพเศรษฐกิจรวมจะได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐด้วย