นอกจากนี้เชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะเริ่มไหลกลับเข้ามาหลังจากที่มีการขายออกไปหลายปีติดต่อกัน ทำให้คงเหลือเงินที่ลงทุนอยู่ในประเทศไทยไม่มากแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้นก่อน จึงจะเห็นได้ชัดว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามายังตลาดหุ้นไทยจริงหรือไม่
"ภาพรวมทั้งปียังประเมินได้ค่อนข้างยากเพราะยังมีปัจจัยหลายๆอย่างที่ยังไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเมือง ที่ยังไม่มีความชัดเจน แต่หากมีความชัดเจนทั้ง 2 ประเด็นนี้ออกมาเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนในไทย ก็คงกลับมาคึกคักอีกครั้ง อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งปีแรกการลงทุนยังถือว่ามีความน่าสนใจเพราะราคาหุ้นลงไปเยอะมาก ซึ่งถือว่าราคาถูกแล้ว และมีเงินปันผลที่ค่อนข้างดี บางบริษัทมีปันผลในอัตราสูงถึง 7%"นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ ยังมองว่าปัจจุบันค่าเงินบาทที่แข็งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค และประเทศอื่นๆไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ยุโรป และอีกหลายๆประเทศก็มีทิศทางการลดดอกเบี้ยเพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป หรือช่วงครึ่งปีหลัง จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% โดยมองว่าในปีนี้ก็มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงมาอยู่ระดับ 1%