สำหรับผลประกอบการงวดปี 58 บริษัทฯมียอดขายอยู่ที่ 2,825.88 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 57 ที่มียอดขาย 2,876.44 ล้านบาท โดยยอดขายลดลง 50.56 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลง 1.8% โดยสาเหตุหลักที่ยอดขายลดลง เนื่องจากราคาตลาดวัตถุดิบเหล็กที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ทำให้ต้องปรับราคาขายสินค้าลงตามราคาวัตถุดิบ โดยสุทธิกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนลง ในขณะที่ปริมาณขายปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15%
ส่วนกำไรสุทธิงวดปี 58 อยู่ที่ 447.14 ล้านบาท จากงวดปี 57 อยู่ที่ 275.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 171.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 62% สาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้ภาษีเงินได้และกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 42.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.5% เนื่องจากอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากสัดส่วนการขายในภูมิภาคที่อัตราการทำกำไรดีเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ราคาวัตถุดิบลดลง และค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อหน่วยลดลงจากปริมาณผลิตและขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและต้นทุนทางการเงินลดลง ทำให้ผลประกอบการดีขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2558 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯในอัตราหุ้นละ 0.44 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2558 ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 1.00 บาท เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2558 โดยยังคงเหลือเงินปันผล สำหรับงวด 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2558 ในอัตราหุ้นละ 0.32 บาทต่อหุ้น (พาร์) 1.00 บาท หรือคิดเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 168.64 ล้านบาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน 8 เมษายน 2559 และกำหนดวันจ่ายปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2559
"ผลประกอบการในปี 58 เติบโตสวยเป็นที่น่าประทับใจ แม้ยอดขายจะลดลงเล็กน้อย 1.8% แต่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 62 ถือเป็นการประสบความสำเร็จอย่างสูงของบริษัทฯและทีมงาน ภายหลังการกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯกว่า 2 ปี ที่สามารถทำกำไรดีอย่างต่อเนื่อง และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเฉพาะในปี 58 ได้ปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.12 บาทต่อหุ้น และงวดครึ่งหลังของปีจ่ายปันผลอีก 0.32 บาทต่อหุ้น เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ"นายสุรศักดิ์ กล่าว