การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,288.62 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,275.72 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 369 หลักทรัพย์ ลดลง 694 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 266 หลักทรัพย์
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รับแรง take profit เข้ามา ภายหลังจากที่ผิดหวังเรื่อง 4 ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งได้แก่ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย กาตาร์ และเวเนซูเอล่า เห็นพ้องให้คงกำลังการผลิต ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมา แต่ที่สุดหุ้นพลังงานก็สามารถรีบาวน์ขึ้นมาได้ เพราะระดับราคาน้ำมันแถว 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลนั้นมองว่ามี Downside risk อยู่แถวนี้ และปัจจุบัน Valuation ก็ถือว่าต่ำกว่าบุ๊ค และยังให้ Dividend Yield ถึง 5% ดังนั้น การปรับตัวลงของราคาหุ้นคงจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งหากมีข่าวดีอะไรออกมา ราคาหุ้นก็พร้อมที่จะปรับตัวขึ้นได้
สำหรับหุ้นที่นำตลาดปรับตัวลงในวันนี้เป็นหุ้นขนาดกลาง, หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นในกลุ่มแบงก์ ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก-ลบไม่มาก พร้อมให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และตัวเลขการจ้างงาน ในช่วงปลายเดือนนี้ถึงต้นเดือนหน้า ซึ่งก็เชื่อว่าสหรัฐฯคงจะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว นอกจากนี้ให้รอดูการประชุมธนาคารกลางในยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ว่าจะมีการอัดฉีดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มากขึ้นหรือเปล่า
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังพักฐานอยู่ในกรอบ 1,275-1,290 จุด ถ้าทะลุแนว 1,290 จุดไปได้ก็มีโอกาสที่จะไปต่อได้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,751.62 ล้านบาท ปิดที่ 243.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,662.58 ล้านบาท ปิดที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,617.27 ล้านบาท ปิดที่ 396.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,010.20 ล้านบาท ปิดที่ 162.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,735.37 ล้านบาท ปิดที่ 130.50 บาท ลดลง 1.50 บาท