ทั้งนี้ TOG ตั้งเป้ารุกขยายตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบอาเซียนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว 95% โดยส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา และเอเชียแปซิฟิค เป็นต้น ขณะที่การมุ่งขยายตลาดในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นั้น บริษัทฯวางแผนขายสินค้าผ่านบริษัทร่วมทุน 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาและเจราจากับพันธมิตรเพิ่มเติมในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ เพื่อขยายสาขารับกำลังซื้อในตลาด AEC
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 59 บริษัทฯตั้งเป้ากำไรสุทธิจะเติบโต 10-12% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิราว 230 ล้านบาท โดยจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 23-25% พร้อมตั้งเป้ารายได้จากการขายและบริการจะเติบโต 15-20% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1.8 พันล้านบาท
ขณะที่ตั้งงบลงทุนปีนี้ 450-500 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเลนส์เฉพาะบุคคลหรือเลนส์สั่งฝนพิเศษ (Prescription Lens หรือ Rx Lens) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี จำนวน 300-350 ล้านบาท จะเป็นโรงงานแบบ Fully Automatic ซึ่งสามารถรองรับกำลังการผลิตอีกมากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ 1 ล้านชิ้นต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 3/59 และงบลงทุนปกติ 150 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงงบประมาณในการรีแบรนด์ดิ้งองค์กรแบบ 360 องศา
"เป้าระยะยาวของเราจะเน้นการขยายกำลังการผลิตเลนส์สั่งฝนพิเศษให้มากขึ้น เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 20-40% ซึ่งมากกว่าเลนส์ปกติที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 10-20% ซึ่งปีนี้เราได้ตั้งงบลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตเลนส์สั่งฝนพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านชิ้นต่อปี จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเลนส์สั่งฝนพิเศษเพิ่มเป็น 2 ล้านชิ้นต่อปี และคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตเต็มใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งอนาคตสัดส่วนรายได้เลนส์สั่งฝนพิเศษจะเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่ 30%"นายธรณ์ กล่าว
ส่วนการรีแบรนด์ดิ้งองค์กรนั้น เพื่อพลิกโฉมภาพลักษณ์ของ TOG ในการสร้างความทันสมัยให้กับแบรนด์ใหม่ทั้งหมด โดยใช้ธีม “TOG 360 WORLDSIGHT" ซึ่งหมายถึง มุมมองแบบ 360 องศา สะท้อนถึงผลิตภัณฑ์ และบริการที่กว้าง สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของบริษัทที่ก้าวหน้าและมองไปยังอนาคต โดยมีการเปลี่ยนแปลงใน 4 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์หรือโลโก้ให้โดดเด่นชัดเจนยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบบรรจุภัณฑ์ และดีสเพลย์สินค้าให้มีความสดใสยิ่งขึ้น ส่วนที่สอง คือ การพัฒนาคุณภาพเลนส์สายตาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบในการผลิต ตลอดจนนวัตกรรมในการพัฒนาเลนส์สายตาให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือการพัฒนาเลนส์ชีวภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง ส่วนที่สาม คือ การปรับปรุงโรงงานผลิต และเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในอนาคตจะเป็นโรงงานแบบ Fully Automatic และสุดท้ายคือ การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดอายุองค์กรให้ทันสมัย มีความคล่องตัว และเข้ากับยุค New Generation มากยิ่งขึ้น
“บริษัทฯ มั่นใจว่า การปรับองค์กรครั้งใหญ่ของ TOG ครั้งนี้ ไปจนถึงอีก 3 ปีข้างหน้า จะผลักดันให้บริษัทฯ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในฐานะผู้ผลิตเลนส์อิสระในระดับโลก และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคที่ใช้เลนส์สายตาคุณภาพอย่างแพร่หลายทั่วโลก" นายธรณ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 58 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1.8 พันล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 230 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรเท่ากับ 12.6% ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดเลนส์สายทั่วโลกมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใช้เลนส์สายตาทั่วโลกกว่า 1.8 พันล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าปีละ 3% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญจากการใช้แว่นสายตาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา