โดยขณะนี้ได้มีการนำเสนอแผนงานให้กับทางคณะกรรมการรับทราบในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งโครงการดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก(WACC) และมีผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่านโยบายของบริษัทฯเช่นกัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนจำนวน 7,200 ล้านบาท ซึ่งภายใต้งบลงทุนดังกล่าว บริษัทฯมีความต้องการเงินลงทุนในส่วนทุนประมาณ 1,550 ล้านบาท ถือเป็นไปตามเงื่อนไขที่เคยได้รับจากสถาบันการเงินสำหรับโครงการประเภทเดียวกัน และมีที่มาของแหล่งเงินทุนจาก 1) เงินทุนหมุนเวียนภายใน และ 2) เงินเพิ่มทุนจำนวน 910 – 1,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 100% ของเงินเพิ่มทุนที่จะได้รับทั้งหมด
ในวันนี้ GUNKULได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) กับ SCB โดย GUNKUL ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท อีกจำนวน 41,500,000 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียน 1,374,905,589 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,416,405,589 บาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 41,500,00 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท และได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จำนวนไม่เกิน 41,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท ให้แก่ SCB โดยกำหนดราคาเสนอขาย 22.84 บาทต่อหุ้น
“การดึงพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาในครั้งนี้ เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท อันจะส่งผลให้สามารถขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ตามแผนการใช้เงิน และดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน" นายสมบูรณ์ กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อศึกษาการจัดทำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) อีกด้วย