"ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ สมาชิกสมาคมบริษัทจัดการแต่ละรายไม่มีใครลงทุนเพิ่ม ทั้งในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้น และในฐานะเป็นเจ้าหนี้ (หุ้นกู้) ตราบใดที่ประเด็นเรื่อง CG ยังไม่มีความชัดเจน มีข้อสงสัยหรือมีปัญหาอยู่เราก็จะไม่มีการลงทุนเพิ่ม"
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมวันนี้ไม่ได้พิจารณาการเข้าลงทุนหุ้นและหุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่มซีพี ได้แก่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ที่ประชุมวันนี้ ทางบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ทุกราย รวมทั้งบริษัทประกันชีวิต กองทุนประกันสังคม และ กบข. ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันจะเข้าไปใช้สิทธิในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ของ CPALL เพื่อไปเรียกร้องต่อคณะกรรมการและเจ้าของกิจการให้รับทราบและตระหนักถึงเรื่องธรรมาภิบาล (CG) โดยให้แต่ละรายเข้าทำหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละ บลจ.อาจจะทยอยขายออกไปบ้าง แต่เชื่อว่าทุกรายยังคงถือหุ้น CPALL
"ในนามของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เราได้หารือเรื่อง CG ของบมจ.ซีพีออลล์ สรุปได้ว่าเราจะเดินไปจนถึงมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เราไม่ได้เอาชนะคะคาน แต่เราไปทำหน้าที่ผู้ลงทุนเพื่อรักษาประโยชน์สิ่งที่เราลงทุนไป เพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพ...เราคิดว่าด้วยเสียงของเรา เราไม่รู้มีเท่าไร แต่แม้ว่าเสียงของเราจะไม่ชนะ แต่เราต้องเข้าไปทำหน้าที่ เขาจะต้องรับรู้ทั้งผู้บริหาร เจ้าของ ว่าเถ้าแก่น้อยอย่างเราคิดอย่างไร...เราคาดหวังมากว่าบริษัทจะเข้าใจ และจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้น แต่ไม่ได้เล็งผลเลิศ" นางวรวรรณ แถลงภายหลังการหารือแนวทางกำหนดจุดยืนผู้ลงทุนสถาบันกรณีใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายใน
พร้อมระบุว่า หลังจากนี้ถือว่าเราทำหน้าที่ในนามสมาคมฯ เสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปนี้ก็เป็นหน้าที่แต่ละ บลจ.ไปทำหน้าที่นักลงทุนสถาบันกันเอง ยกเว้นจะมีข้อมูลใหม่สำหรับกรณี CPALL และ กรณีใหม่
ด้านนายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด และในฐานะตัวแทนจากสมาคมซีเอฟเอ ประเทศไทย กล่าวว่า แต่ละ บลจ.ที่ยังมีการถือหุ้น CPALL อยู่เพราะการขายออกไปอาจจะส่งผลกระทบต่อตัวบริษัทจัดการเอง และผู้ถือหน่วยด้วย และบางกองทุน เช่น ETF ดัชนี SET50 ก็จำเป็นต้องถือหุ้น CPALL ตามนโยบายของกองทุน
ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า ให้จับตาดูให้ดีเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นกู้ของกลุ่มซีพีที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาทซึ่งถือว่าสูงมาก ถ้าผู้ลงทุนสถาบันไม่ลงทุนหุ้นกู้เพิ่มเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าการไม่เพิ่มการลงทุนในหุ้นสามัญ เพราะยังมีนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนรายย่อยเข้ามาถือแทนได้ แต่หุ้นกู้ของ CPALL และหุ้นกู้ในกลุ่มซีพีมีจำนวนมากที่ถือโดยนักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่อง CG ก็อาจจะกระทบกับการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในอนาคตได้