(เพิ่มเติม) GUNKUL คาดปีนี้ลงทุน-ซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก100MW, มั่นใจพันธมิตรใหม่หนุนศักยภาพลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 18, 2016 15:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า การได้ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เข้ามาเป็นพันธมิตรของบริษัทในครั้งนี้ทำให้บริษัทฯมีมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Book value) สูงขึ้นประมาณ 13.00% อันจะส่งผลให้บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนเพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบัน และเสริมความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวสำหรับบริษัท เพื่อให้บริษัทฯมีเงินทุนสำหรับการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าในการเข้าลงทุนและมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าในปีนี้จะมีการลงทุนเองหรือเข้าซื้อกิจการอีก 100 เมกะวัตต์ และสิ้นปีจะมีโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 430 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 330 เมกะวัตต์

โดยขณะนี้ได้มีการนำเสนอแผนงานให้กับทางคณะกรรมการรับทราบในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งโครงการดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก(WACC) และมีผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่านโยบายของบริษัทฯเช่นกัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนจำนวน 7,200 ล้านบาท ซึ่งภายใต้งบลงทุนดังกล่าว บริษัทฯมีความต้องการเงินลงทุนในส่วนทุนประมาณ 1,550 ล้านบาท ถือเป็นไปตามเงื่อนไขที่เคยได้รับจากสถาบันการเงินสำหรับโครงการประเภทเดียวกัน และมีที่มาของแหล่งเงินทุนจาก 1) เงินทุนหมุนเวียนภายใน และ 2) เงินเพิ่มทุนจำนวน 910 – 1,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 100% ของเงินเพิ่มทุนที่จะได้รับทั้งหมด

ในวันนี้ GUNKULได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) กับ SCB โดย GUNKUL ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท อีกจำนวน 41,500,000 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียน 1,374,905,589 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,416,405,589 บาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 41,500,00 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท และได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จำนวนไม่เกิน 41,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท ให้แก่ SCB โดยกำหนดราคาเสนอขาย 22.84 บาทต่อหุ้น

“การดึงพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาในครั้งนี้ เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท อันจะส่งผลให้สามารถขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ตามแผนการใช้เงิน และดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน" นายสมบูรณ์ กล่าว

พร้อมกันนี้ ยังได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อศึกษาการจัดทำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) อีกด้วย น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 25% จาก 4.8-4.9 พันล้านบาทในปี 58 แต่ในส่วนกำไรสุทธิน่าจะโต 30% ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/59 ทั้งรายได้และกำไรก็ดีกว่างวดเดียวกันปีก่อน เพราะโรงไฟฟ้า COD ครบหมดแล้ว 100 MW ยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จะ COD อีก 10 MW ที่จะทยอยเพิ่มเข้ามา และพลังงานงานจะ COD ครบ 60 MW ภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าอยู่ที่ 50% และธุรกิจรับเหมาติดตั้งและวางระบบ (EPC) และขายอุปกรณ์ไฟฟ้ารวม 50%

สำหรับธุรกิจรับเหมาติดตั้งและวางระบบ (EPC) ที่ยังค้างอยู่จะส่งมอบและรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 300 ล้านบาท โดยรับรู้ทั้งหมดในไตรมาส 1/59

"ปีนี้งาน EPC รอประมูลใหม่ด้วย โรงไฟฟ้าปี 59 รายได้อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่กำไรโรงไฟฟ้า 50% ส่วนหลอดไฟ LED ปีนี้ยอดขายราว 10% ของยอดขายรวม"

สำหรับการลงทุนอื่นๆ ก็มองโรงไฟฟ้าชีวมวลทางภาคใต้ที่รอ Bid อยู่ ราว 3-4 โครงการ โครงการละ 10 MW

ในปีนี้บริษัทต้องใช้เงินลงทุนราว 2,000 ล้านบาท ในโครงการโรงไฟฟ้าที่ต่อเนื่องมาและโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งต่างประเทศส่วนใหญ่มองที่ญี่ปุ่นลักษณะเข้าซื้อกิจการ

น.ส.โศภชา กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท โดยจะเสนอเรื่องการจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 58 ที่รายได้และกำไรเป็นไปตามเป้า โดยนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ และยังคงนโยบายปันผลสม่ำเสมอตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นปีที่ 5 ทั้งนี้ การที่ SCB เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 3% จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท เป็นสถาบัน แบงก์และต่างชาติรวมกันเพิ่มเป็น 13-15% จากเดิม 10%

อนึ่ง บริษัทยังคงเป้ามีโรงไฟฟ้า 600 MW ทั้งในและต่างประเทศ ภายในปี 60 ภายใต้เงินลงทุน 3 ปี (59-61) ที่ 7,200 ล้านบาท น่าจะเพียงพอ แต่หากเจอโปรเจกต์ใหญ่ที่ต้องใช้เงินมากกว่านี้ก็จะพิจารณาจัดตั้งกองทุนโครงพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าการศึกษาจะสรุปได้ภายในปีนี้ และจะมีความชัดเจนว่าจะจัดตั้งเมื่อไร โดยขนาดกองที่เหมาะสมราว 4,000-5,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ