SYNEX บวก 4% คาดยอดขายโตต่อเนื่อง-เล็งนำ Prism Solution เข้าตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 19, 2016 10:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น SYNEX ราคาวิ่งขึ้น 4% มาอยู่ที่ 4.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.47 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.03 น. โดยเปิดตลาดที่ 4.68 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.72 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.68 บาท

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNEX ราคาเป้าหมาย 6.88 อิง P/E ที่ 16X และ EPS 2559F ที่ 0.43 บาท ด้วยปัจจัยหนุนดังนี้ 1) ยอดขายโตได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ 2) สามารถเพิ่มการขายจากสินค้ากลุ่ม Commercial มากขึ้น 3) GPM ปรับตัวดีขึ้นที่ 5.20% 4) วางแผน M&A กับบริษัทที่อยู่ในตลาดเดียวกัน และ การเพิ่มยอดขายอย่างมีเสถียรภาพจากการบุกตลาดใน Indochina 5) การนำบริษัทลูก Prism Solution เข้าจดทะเบียนในปี 2560 6)Window 10 ที่กำลังมาแรง 7)จ่ายปันผล 0.22 บาท/หุ้น XD 28 มี.ค.

SYNEX รายงานผลประกอบการ 4Q58 โดยสามารถทำรายได้จากการขายและการบริการอยู่ที่ 5.42 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 7.92% QoQ โดยที่ 4Q58 มีรายได้ลดลงจาก 3Q58 ที่เป็นช่วง High Season แต่ได้รับแรงหนุนจากช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2558 ที่มีมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพื่อลดภาษีที่มาช่วยเพิ่มยอดขาย ทำให้ 4Q58 โตถึง 9.40% YoY ทาง SYNEX ยังคงรักษาระดับ GPM ได้ที่ 5.20% ซึ่งเป็นผลจากการปรับการขายสินค้าโดยเน้นการขยายกลุ่ม Commercial มากขึ้น

ทั้งนี้รายได้รวมปี 2558 อยู่ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท (+11.20% YoY) ตามทีคาดการณ์ไว้ที่ 2.10 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 358.68 ล้านบาท (+97% YoY)โดยที่มีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 102 ล้านบาท (+59% YoY) ทั้งนี้ ประมาณการเป้าหมายรายได้ปี 2559 โต 10% YoY ที่ 2.31 หมื่นล้านบาท แต่กำไรสุทธิคาดเหลือเพียง 330 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2558 มีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่าปกติ

นอกจากนี้ คาดว่าทาง SYNEX จะสามารถกระตุ้นรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง จากการประมูล 4G ที่จะกระตุ้นยอดขาย Smartphone ได้ และการพัฒนาของระบบ Window 10 ที่จะมาเพิ่มยออดขาย และเน้น Value added product เพื่อเพิ่มความสามารถในการขาย ทาง SYNEX เริ่มมีการขยายกิจการไปยัง Indochina ซึ่งขณะนี้ ที่ประเทศเมียนมาร์ได้มีการเพิ่ม Brand ในการจำหน่าย และคาดว่าในปี 2559 จะมียอดขายรวมเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1 พันล้านบาท และถึงแม้ว่าต้นทุน 40% ของสินค้าจะมาจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และเงินบาทได้ปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา แต่ทางบริษัทได้ทำการปิดความเสี่ยงโดยการ Hedge แล้ว ซึ่งมองว่าเป็นข้อดีสำหรับบริษัทในการปรับขึ้นราคาสินค้า เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลงส่งผลให้ราคาสินค้าจากต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน และหากมีการ Mark to Market FX บริษัทน่าจะทำกำไรได้มาก เนื่องจากเงินบาทมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ