พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างศึกษาพิจารณาจ่ายปันผลระหว่างกาล สำหรับงวดผลประกอบการครึ่งแรกปี 59 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาล เนื่องจากบริษัทมีเงินสดที่เตรียมไว้สำหรับรองรับสถานการณ์ต่างๆ อย่างเพียงพอ แต่เมื่อไม่ได้ใช้เงินในจำนวนนี้ ก็มีเงินพอที่จะจ่ายระหว่างกาลได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นเพียงแนวคิดของตนเพียงคนเดียวยังไม่ได้นำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ขณะที่ในงวดปี 58 บริษัทจ่ายปันผลที่ ระดับ 57% ของกำไรสุทธิ ซึ่งจ่ายในอัตราที่ต่ำกว่างวดปี 57 ที่จ่าย 62% ของกำไรสุทธิ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ต้องกันเงินไว้ โดยขณะที่บริษัทมีกระแสเงินสดในมือราว 20,000 ล้านบาท
บริษัทตั้งงบลงทุนรวมปีนี้แบ่งเป็นการก่อสร้างโรงงานที่อินเดีย 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ โรงงานที่อินเดียอยู่ระหว่างก่อสร้างคาดจะเสร็จปลายปี 59 และน่าจะสร้างยอดขายราวได้ในปี 60 โดยได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ระดับ 400 ล้านเหรียญสหรัฐในอีก 3 ปีข้างหน้าสำหรับโรงงานในอินเดีย นอกจากนี้ บริษัทก็มีแผนจะขยายโรงงานที่อินเดียในอนาคตเพราะซื้อที่ดินไว้แล้ว และอีก 400-500 ล้านบาท ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานในประเทศไทย
ปัจจุบันสินค้าหลักยังเป็นเพาเวอร์ซัพพลายที่ใช้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ,เพาเวอร์ซัพพลายที่ใช้ในรถยนต์ วินเทอร์บาย และอินดัสเตรียลออโตเมชั่น ซึ่งจะเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับโรงงานที่ประเทศสโลวาเกียซึ่งผลิตสินค้าอยู่แล้ว แต่อยู่ระหว่างขอบัตรส่งเสริมสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งคาดว่าจะได้บัตรใหม่เข้ามาภายในปีนี้ ซึ่งโรงงานที่สโลวาเกียเป็นแหล่งผลิตเพาเวอร์ซัพพลายเทเลคอม ระบบคอมพิวเตอร์ และโซล่าเซลล์ ขนาดใหญ่เพราะยุโรปใช้เป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายตลาดยุโรป 60% สหรัฐฯ 20% และเอเชีย 20%
"ที่ตั้งเป้ายอดขายและกำไรทำนิวไฮ เพราะเรามีตลาดที่จะโต มีโปรดักส์ มีเมนูแฟคฯ มีโรงงานเพิ่ม ส่วนการซื้อกิจการหรือ M&A ยังมองหา แต่ตอนนี้เราแข็งแรงเพราะมีโรงงานอินเดียที่จะเพิ่มเข้ามา ตอนนี้สถานการณ์ M&A จึงไม่ใช่ปัจจัยหลัก ไม่ได้จ้องมองเพราะรอโรงงานใหม่ที่อินเดียเสร็จและสร้างซัพพลายเออร์ที่แข็งแรงก่อน ตลาดเทเลคอมในอินเดียโต เพราะยอดขาย 200 กว่าล้านเหรียญฯ ในอินเดียปีก่อนส่วนใหญ่เป็นตลาดเทเลคอม"นายอนุสรณ์ กล่าว