บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ Trading Buy หุ้น บมจ.บ้านปู (BANPU) สำหรับผู้ลงทุนระยะยาวกว่า 1 ปีขึ้นไปที่เชื่อว่าราคาถ่านหินจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 60 โดยให้ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท
แนวโน้มผลประกอบการปกติในไตรมาส 1/59 คาดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายไตรมาส กำไรจากธุรกิจถ่านหินคาดทรงตัวจากการกลับมาผลิตเต็มที่ของ CEY กำไรจากธุรกิจไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อ จากการรับรู้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 2 เต็มไตรมาส ขณะที่โรงไฟฟ้า BLCP ยังคงจ่ายไฟฟ้าตามปกติ
BANPU รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/58 ขาดทุนสุทธิ 1,477 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 72 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 แย่กว่าคาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 1,131 ล้านบาท และค่าเฉลี่ยตลาดขาดทุน 884 ล้านบาท จากส่วนแบ่งกำไรจาก BLCP ต่ำกว่าคาดและผลขาดทุนจากธุรกิจถ่านหินในจีน ผลประกอบการที่กลายเป็นขาดทุนเกิดจากขาดทุนรายการพิเศษที่จากการปรับปรุงรายการทางบัญชีในช่วงปิดงวดสิ้นปีและขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 15.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ BANPU กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 59-63) ประมาณ 554 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผสาน 5 แนวทางหลัก ได้แก่ ความยืดหยุ่นพร้อมรับมือปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอกที่ผันผวน ควบคู่กับการบริหารต้นทุนที่รัดกุม เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม และต่อยอดการเติบโตของสินทรัพย์
ในปี 59 บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินจากทั้งอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และจีน รวมที่ 44 ล้านตัน อีกทั้งยังมองจังหวะที่จะเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมเพื่อเตรียมคว้าโอกาสเมื่อตลาดถ่านหินฟื้นตัว ขณะที่การเสนอขายหุ้นของบริษัทย่อย บมจ.บ้านปูเพาเวอร์ (BPP) ให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) นั้น จะดำเนินการในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากปัจจัยเกื้อหนุนของตลาดทุน