"บริษัทยังเดินหน้าผลักดันมูลค่ากิจการให้เติบโต เพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นและความยั่งยืนของบริษัทตามเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว สำหรับผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในปี 58 คณะกรรมการบริษัทได้เห็นชอบให้เสนอ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้ พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจำนวน 3,292 ล้านบาทจากกำไรของผลการดำเนินงานปี 2558 คิดเป็น 2.27 บาทต่อหุ้น"นายรัมย์ กล่าว
เมื่อวันที่ 16 ก.ย.58 บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นเป็นเงินจำนวน 1,595 ล้านบาท ในอัตรา 1.10 บาทต่อหุ้น คงเหลือจ่ายในงวดนี้ 1.17 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 1,697 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถจ่ายผู้ถือหุ้นได้ในวันที่ 27 เม.ย.59
นายรัมย์ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 58 แม้ต้องประสบกับความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ราคาน้ำมันตกต่ำ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ยังอยู่ในเกณฑ์ที่แสดงถึงความมั่นคงของบริษัท และรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่ที่ปรากฎในปี 58 เป็นการบันทึกบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าในปี 58 มีจำนวน 51,933 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากปีก่อนหน้า รายได้จำนวนนี้มีสัดส่วนรายได้ของโรงไฟฟ้าราชบุรีและไตรเอนเนอจี้เป็นจำนวน 95.5% ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท
สำหรับการลงทุนใหม่ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จการร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ฟังเชงกังระยะ ที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,360 เมกะวัตต์ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเงินลงทุน ประมาณ 7,500 ล้านบาท และได้ซื้อหุ้นบริษัท ผลิตไฟฟ้าลาว มหาชน (EDL-Gen) เพิ่มขึ้นเป็น 10.11% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายทั้งหมด ซึ่งทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากเงินปันผลทันทีในปีนี้ ผลจากการลงทุนทั้งสองรายการนี้ทำให้กำลังการผลิตตามการถือหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 6,816 เมกะวัตต์
ฐานะการเงินของบริษัท ณ วันที่ 31 ธ.ค.58 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 92,605 ล้านบาท หนี้สินจำนวน 32,185ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 60,420 ล้านบาท มีเงินสดและเงินลงทุน รวมจำนวน 11,593 ล้านบาท และกำไรสะสมจำนวน 45,951 ล้านบาท สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ จัดอันดับโดยมูดีส์ อยู่ที่ระดับ Baa1 เอสแอนด์พี อยู่ที่ระดับ BBB+ และทริสเรทติ้ง ที่ระดับ AAA ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีศักยภาพและความสามารถที่จะระดมทุนด้วยต้นทุนการเงินที่ดี เพื่อขยายการลงทุนในอนาคตได้อีกมาก