ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ตั้งงบลงทุนไว้อีกราว 30-40 ล้านบาทเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2/59 และจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในเดือน ก.ย.59 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 20%
"ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างศึกษาเข้าซื้อโรงงานผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าเดิม เพราะสินค้าบางชนิดยอดไม่ค่อยดี โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานที่มีชะลอตัวไปในช่วงที่ผ่านมา"นายธานินทร์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโตเป็นไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 1,209.78 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ยังคงเน้นขยายธุรกิจงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ และท่อร้อยสายไฟใต้ดิน เนื่องจากยังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ท่อร้อยสายไฟภายในประเทศแตะ 65% จากปัจจุบันอยู่ที่ 55% ซึ่งยังเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นหลัก
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) 200 ล้านบาทที่จะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และยังอยู่ระหว่างประมูลงานราว 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดหวังได้งานไม่ต่ำกว่า 50% ของมูลค่างานทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังรอการเปิดประมูลงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในช่วงไตรมาส 2/59 มูลค่างานราว 100-200 ล้านบาท
"ปีนี้เรามั่นใจว่าผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเราเน้นการเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ท่อร้อยสายไฟ โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯได้ลดราคาสินค้าลงราว 3% ตามต้นทุนที่ลดลง ซึ่งในราคาปัจจุบันถือว่าสามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้เรายังมีงานในมือรองรับ และยังเตรียมประมูลงานใหม่ๆที่จะออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย"นายธานินทร์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/59 นี้ คาดว่ารายได้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 5% แต่จะเติบโตขึ้น 5-10% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/58 ที่ผ่านมา หลังจากตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับ high-end ที่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวบ้างแล้ว
"แนวโน้มรายได้ในช่วงไตรมาส 1/59 หลังจากที่ผ่านการดำเนินกิจการมาแล้วเกือบ 2 เดือน เราก็ยังเห็นเทรนด์ที่ดีขึ้นในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียม และอีกไม่นานนี้คงจะได้เห็นงานทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการดูดีขึ้น"นายธานินทร์ กล่าว
ด้านผลประกอบการงวดปี 58 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 245.24 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 148.41 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 65.24% เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจาก 1,004.39 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,209.78 ล้านบาทในปี 58 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 20.45% เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 269.53 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 407.66 ล้านบาทในปี 58 หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 51.25%
“ผลการดำเนินงานที่ออกมานั้นถือว่าเป็นไปตามคาด หลังจากที่บริษัทฯได้เดินตามแนวทาง ธุรกิจที่ได้วางไว้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิม รวมทั้งเดินหน้ารับงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น จากภาครัฐและเอกชน รวมถึงขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ให้บริษัทมากยิ่งขึ้น และต่อจากนี้บริษัทยังคงมุ่งขยายธุรกิจในทุกภาคส่วนให้ขยายตัวโดยคาดว่าจะได้ แรงหนุนจากงานภาครัฐอย่างงานเมกะโปรเจ็กต์ที่ชัดเจนขึ้น ส่วนต่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง"นายธานินทร์ กล่าว