สำหรับคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมไตเทียม เคที เมดิคอล เซอร์วิส (พัฒนาการ) FVC เข้าถือหุ้น 70% ใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 27 ล้านบาท โดยจะสร้างขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วย จำนวน 2 เฟส อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นได้เปิดให้ในบริการในส่วนของเฟสแรกก่อน จำนวน 15 เตียง ฟอกเลือดได้จำนวน 4 รอบต่อวัน ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้สูงสุดถึง 120 คน อัตราค่าบริการฟอกเลือดครั้งละ 1,500 บาท ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสิทธิบัตรประกันสังคม สามารถเข้ารับบริการฟอกเลือดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนเกิน
ทั้งนี้ ทางคลินิก คาดว่าจะมีผู้ป่วยเต็มจำนวนสูงสุดได้ภายในเวลา 1 ปี และเฟสที่ 2 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 61 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยฟอกเลือดได้ 12-15 เตียง รองรับผู้ป่วยได้สูงสุด 96-120 คน โดยฟอกเลือดได้สูงสุดจำนวน 4 รอบต่อวัน
นอกจากนี้ ที่คลินิกยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ปรับปรุง ซึ่งสามารถมีทางเลือกในการใช้พื้นที่เป็นคลินิกชะลอไตเสื่อม และคลินิกโรคไตเรื้อรัง และการบำบัดทดแทนไตโดยวิธีการล้างช่องท้อง (Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis) อีกทั้งยังมีพื้นที่สำหรับห้องประชุม ซึ่งสามารถใช้เป็นพื้นที่ในการสาธิตและฝึกอบรม ผู้ป่วยและญาติ พยาบาล ในการดูแลผู้ป่วยและงานวิชาการ
การเปิดคลินิกเวชกรรมไตเทียมแห่งนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปีแรกที่ 9-10 ล้านบาท และหากเปิดให้บริการไปจนสามารถรองรับคนไข้ได้เต็มที่คาดว่าจะทำรายได้ปีละ 24 ล้านบาท ซึ่งมาจากทางคลินิกมีข้อได้เปรียบในด้านต้นทุนที่ต่ำ เนื่องจาก Synergy Business กับธุรกิจของบริษัทย่อยทั้งระบบบำบัดน้ำบริสุทธิ์สำหรับหน่วยไตเทียม และน้ำยาไตเทียม ซึ่งจากการลงทุนในคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมไตเทียมนี้จะทำให้ธุรกิจเข้าถึงผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังได้โดยตรง เสริมวงจรธุรกิจให้เข้มแข็มยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเปิดคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมไตเทียม เคที เมดิคอล เซอร์วิส (พัฒนาการ) ถือเป็นการเปิดทำการสาขาแรก และตั้งเป้าว่าจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาภายในปีนี้ โดยจะอยู่ที่ กทม.1 สาขา และต่างจังหวัดอีก 1 สาขา
นายวิจิตร กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการเติบโตของธุรกิจจะไปได้ดีเพราะ จากข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระบุว่าปัจจุบันมีคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังกว่า 17% ของประชากร หรือประมาณ 8 ล้านคน ซึ่งการรักษาคือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต แต่ด้วยข้อจำกัดโดยเฉพาะการขาดแคลนผู้บริจาคไต นอกจากค่าผ่าตัดที่ยุ่งยากแล้ว ทำให้แต่ละปีทั่วประเทศสามารถปลูกถ่ายไตได้เพียงปีละ 400 รายเท่านั้น ขณะที่มีผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนถ่ายไตใหม่ถึง 40,000 ราย ดังนั้นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเหล่านี้จึงต้องทำการล้างไตเพื่อยืดอายุ ไม่ให้เสียชีวิต
“ทางบริษัทฯได้ให้บริการด้านระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์สำหรับหน่วยไตเทียมมาเป็นเวลานาน จึงเล็งเห็นว่าการฟอกเลือดมีความจำเป็นกับคนไข้ แต่ศูนย์ให้บริการยังมีจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ทางบริษัทฯจึงอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มช่องทางในการช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่ถูกต้องได้อีกทางหนึ่ง จึงได้เปิดคลินิกนี้ขึ้นมา ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ที่เข้ารับการรักษา ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจ เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกระจายความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจในอนาคต" นายวิจิตร กล่าว