บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบทั้ง Brent และ WTI ยังคงผันผวน โดยปรับตัวลง 4-5% หลังรัฐมนตรีน้ำมันซาอุดิอาระเบียประกาศยังคงเจรจาแผนการ Freeze แต่จะไม่มีการประกาศลดกำลังการผลิต ขณะที่อิหร่านจะไม่เข้าร่วมในแผนดังกล่าว ด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐเพิ่มมากกว่าคาดรวมทั้ง JP Morgan ประกาศจะตั้งเงินสำรองหนี้เสียของบริษัทน้ำมัน ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นน้ำมันออกในตลาดหุ้นสหรัฐ หลังเกิดความชัดเจนเรื่องการคงกำลังการผลิต ที่ไม่มีอะไรเกินความคาดหมาย หลังจากนี้น่าจะมีแรงขายน้ำมันออกมาอีกเพื่อลดความเสี่ยง โดยการประชุมครั้งหน้าเกี่ยวกับการร่วมมือกัน Freeze จะมีขึ้นในเดือน มี.ค.
ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานของไทย 4 บริษัท เทียบราคาน้ำมัน Brent ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน โดยต้นปีราคาน้ำมัน Brent ลงจาก 36 กว่าๆ ดอลลาร์/บาร์เรล เทียบปัจจุบันสูงสุดที่ 34 ดอลลาร์/บารเรล์ ช่วงเวลาดังกล่าวดัชนีกลุ่มพลังงานขึ้นไปถึง 12% โดยหุ้นที่ขึ้นแรงสุด คือบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่ 29.2 % รองลงมาคือบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิอคล (PTTGC) ที่ประมาณ 12% บมจ.ปตท. (PTT) ที่ 8.4% และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ที่ 1.2% ดังนั้นหากราคาน้ำมันไม่สามารถขึ้นได้ต่อ ราคาหุ้นพลังงานก็เริ่มสุ่มเสี่ยงต่อการขายทำกำไร
อนึ่ง เมื่อวานนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 1.52 ดอลลาร์ หรือ 4.6% แตะที่ 31.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 4.1% แตะที่ 33.27 ดอลลาร์/บาร์เรล