"ปี 59 เรามีการพัฒนาเพิ่มเติม โดยนำรายการเข้าไปเสริมทัพอีก ทั้งเกมส์โชว์ และวาไรตี้ เพื่อดึงเรตติ้งให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้รายได้ของเราเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับเราไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ หลังจากที่มีการลงทุนสตูดิโอต่างๆมาแล้ว ทำให้ปีนี้น่าจะเป็นปีที่รับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น"นายสุรการ กล่าว
WORK ยังไม่ได้แจ้งผลประกอบการในปี 58 แต่ในช่วง 9 เดือนแรกปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 155.76 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1.75 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากรายการโทรทัศน์มากถึง 1.53 พันล้านบาท
นายสุรการ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 59 บริษัทได้จัดผังรายการใหม่ จากการนำรายการเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งเกมส์โชว์ และวาไรตี้ เพื่อดึงเรตติ้งในช่วง PrimeTime (เวลา 20.00 น.) โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการออกอากาศไปแล้ว ได้แก่ รายการ I can see your voice ที่สร้างความสนุกโดนใจคนดูด้วยการร้องเพลงรูปแบบใหม่ และ Let me in Thailand รายการที่พลิกชีวิตคนไทยในชั่วข้ามคืน ซึ่งหลักจากออกอากาศก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้รับชม อีกทั้งในช่วงเวลาอื่นๆ ก็มีการนำรายการที่โด่งดังในอดีต กลับมาออกอากาศใหม่ และทำการเปลี่ยนโฉมรายการตามยุคสมัย เช่น รายการกู้อีจู้ ,รายการเวทีทอง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีรายการประเภทกีฬา ที่จะเพิ่มเวลาการออกอากาศมากขึ้น เช่น การถ่ายทอดสดมวยไทยทุกสัปดาห์ จากเดิมจะออกอากาศทุกเดือน และได้เพิ่มการถ่ายทอดสด กีฬาวอลเลย์บอลชุดใหญ่ รอบคัดเลือก อีกด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาในปีนี้ มาที่เฉลี่ย 50,000 บาท/นาที จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 บาท/นาที โดยมองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมมทีวีดิจิตอลปีนี้ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ของการลงโฆษณา ขณะที่การแข่งขันก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น ของกลุ่มทีวีที่มีเรตติ้งในอันดับต้นๆ ซึ่งบริษัทยืนยันจะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในอันดับที่ 3 ได้ในปีนี้ (รวมดิจิตอลและอนาล็อก)
นายสุรการ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ 200 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆที่มีความเสียหาย และรองรับการซื้อฟอร์แมต รายการจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อรายการ the mask singer ซึ่งเป็นรายการประกวดร้องเพลง โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ไม่เกินไตรมาส 3/59