ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดบวก 6.14 จุด คาดเงินไหลเข้าหนุนแรงซื้อหุ้นใหญ่ดันตลาดฟื้น 4 วันติด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 24, 2016 17:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,331.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.14 จุด (+0.46%) มูลค่าการซื้อขาย 43,349.09 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ แม้ภาคเช้าเคลื่อนไหวในแดนลบแต่พลิกมายืนบวกได้ตลอดช่วงบ่าย ท่ามกลางแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นแบงก์และสื่อสาร แม้มีแรงขายหุ้นพลังงานต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ฯคาดรับปัจจัยเม็ดเงินไหลเข้าเอเชีย ซึ่งจะยังผลักดันตลาดปรับขึ้นได้อีกในเดือนมี.ค.ขณะที่ผลประกอบการ-ปันผล บจ.ของไทยไม่ได้เลวร้าย มองดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นต่อพรุ่งนี้ ให้แนวต้าน 1,345 และแนวรับ 1,325 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,331.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.14 จุด (+0.46%) มูลค่าการซื้อขาย 43,349.09 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ในภาคเช้า ก่อนยืนอยู่ในแดนบวกได้ตลอดในช่วงบ่าย โดยปรับขึ้นทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,336.15 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,320.91 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 606 หลักทรัพย์ ลดลง 447 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 307 หลักทรัพย์

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเงินทุนไหลเข้า และการซื้อคืน (cover short) ขณะที่การประกาศผลประกอบการและการจ่ายปันผลของบจ.ไม่ได้เลวร้ายมากนัก รวมถึงยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นที่ยัง Laggard ในกลุ่มต่างๆด้วย

ทั้งนี้ มองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นได้ต่อในเดือนมี.ค.นี้ โดยจะปรับขึ้นไปเคลื่อนไหวในระดับ 1,350-1,380 จุด มีตัวแปรสำคัญคือตลาดหุ้นในยุโรปและสหรัฐที่เป็นทิศทางขาลง หลังตลาดหุ้นยุโรปยังมีปัจจัยถ่วงจากการลงประชามติเกี่ยวกับสมาชิกภาพของอังกฤษในสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่า และน่าจะทำให้ตลาดหุ้นยุโรป underperform ในช่วงครึ่งแรกปีนี้

อีกทั้งในช่วงเดือน มี.ค.มีปัจจัยบวกจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.ตลาดฯ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากระดับ -0.3% เป็น -0.4% และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16 มี.ค.จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 23 มี.ค.คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.25% ซึ่งนับเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้น และน่าจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้ากลับเข้ามาในเอเชีย หลังจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่า และต่างชาติ underweight ในตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Markets) ก่อนหน้านี้

นายวิวัฒน์ คาดว่าในช่วงเดือน มี.ค. ต่างชาติน่าจะยังเข้าซื้อในตลาดหุ้นไทยอีกราว 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกในช่วงนี้ และในวันพรุ่งนี้ที่คาดว่าตลาดจะเป็นลักษณะ sideways up โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,345 จุด และแนวรับที่ 1,325 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,210.09 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,497.18 ล้านบาท ปิดที่ 258.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,441.40 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,929.01 ล้านบาท ปิดที่ 172.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,650.47 ล้านบาท ปิดที่ 173.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ