ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการให้บริการสไตล์โรงแรม เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความต้องการให้กับลูกค้ามากที่สุด โดยบริษัทคาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/59 ปรับตัวคึกคัก เพราะด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้
สำหรับผลการดำเนินงวดปี 58 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 มีรายได้รวม 2,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 267% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ และมีกำไรสุทธิ 386.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 450 % เมื่อเทียบจากปีก่อน
ในปี 58 บริษัทมีโครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เพิ่ม 5 โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ B-Loft สุขุมวิท 115 โครงการ B.Republic สุขุมวิท 101/1, โครงการ Villa Lasalle สุขุมวิท 105, โครงการ Pause สุขุมวิท 107 A และ โครงการ Pause สุขุมวิท 107 B ตามลำดับ ซึ่งจากการเติบโตของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปี 58 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิอยู่ในระดับสูง โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 42.85% และอัตรากำไรสุทธิ 18.81%
ส่วนไตรมาส 4/58 บริษัทมีรายได้รวม 704.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 125.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขาย จึงทำให้บริษัทมีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มูลค่ารวมการเปิดโครงการของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธ.ค.58 มีมูลค่ารวม 15,353 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานในปี 58 ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทฯ ได้พยายามทำงานอย่างหนักและเต็มที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ สร้างสรรค์โครงการคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้อยู่อาศัย พร้อมทั้งมอบการบริการหลังการขายที่ประทับใจเสมอมา"นายพีระพงศ์ กล่าว