ในปีนี้บริษัทจะเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากมีแนวโน้มที่สามารถขยายตัวได้อีกมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จีน และสหรัฐที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 55% และในประเทศ 45% จากปี 58 สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ 52.3% และในประเทศ 47.7%
บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ราว 500 ล้านบาท เพื่อใช้สร้างโรงงานใหม่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ กำลังการผลิต 3,600 ตัน/ปี โดยจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงต้นปี 60 และส่วนที่เหลือใช้ในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาระบบ IT
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงแผนระยาวที่จะผลักดันรายได้ให้เพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทในปี 61 จากนั้นภายในปี 67 รายได้จะพุ่งไปถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตจะมาจากการขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยจะยังเน้นตลาดอาเซียนและจีน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายปี 66 ที่บริษัทต้องการก้าวขึ้นเป็น Global Brand โดยจะมีสัดส่วนการขายในต่างประเทศเพิ่มเป็น 70-80%
นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุน(โรดโชว์)ครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 29 ก.พ.59 ร่วมกับทาง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซึ่งคาดว่าผลตอบรับดีทั้งจากนักลงทุนสถาบัน เพราะที่ผ่านมามีนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สนใจจะเข้าลงทุน พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการแก้ปัญหาฟรีโฟลตต่ำ โดยอาจจะเสนอขายหุ้นล็อตใหญ่ให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) ในอนาคต
“ผมยอมรับว่าฟรีโฟลทเราต่ำ ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาขายหุ้นบิ๊กล็อต หรือ PP เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง โดยต้องยอมรับว่าทุกวันนี้มีคนสนใจเรามาก ทั้งกองทุนใน และ ต่างประเทศ เข้ามาถามทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะมีสัดส่วนเท่าไหร่ และ จะขายให้ใครบ้าง ตอนนี้ขอขยายตลาดให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องก่อน"นายอิทธิพัทธ์ กล่าว