(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideways up เงินไหลเข้า-ราคาน้ำมันขึ้นหนุนตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 26, 2016 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าดัชนีฯจะแกว่ง Sideways up เนื่องจากแนวโน้มเม็ดเงินจากต่างประเทศยังไหลเข้า จากที่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ และคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเดือนมี.ค.เช่นกัน

นอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวขึ้นด้วย และทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) กับรัสเซียน่าจะตกกันได้ที่จะประชุมในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งก็คงจะเป็นการตรึงกำลังการผลิต แต่ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ว่า ทางกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC จะร่วมมือกันมากขึ้น

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,320-1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,340-1,350 จุด ซึ่งจะต้องระวังแรงขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านนี้ เพราะเป็นกรอบแนวต้านสำคัญของขาลงในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,697.29 จุด พุ่งขึ้น 212.30 จุด (+1.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,582.21 จุด เพิ่มขึ้น 39.60 จุด (+0.87%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,951.70 จุด เพิ่มขึ้น 21.90 จุด (+1.13%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 171.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 291.20 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 23.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.68 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.พ.59) 1,333.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด (+0.11%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 109.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.พ.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ก.พ.59) ปิดที่ 33.07 ดอลลาร์/
บาร์เรล บวก 92 เซนต์ หรือ 2.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.พ.59) ที่ 6.46 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.66/68 แข็งค่าเล็กน้อยตามภูมิภาค รอดูตัวเลขจีดีพี Q4/58 ของสหรัฐฯ
  • ส่งออกไทยยังอ่วม ม.ค.ติดลบ 8.91% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 'สุวิทย์' ยังมั่นใจทั้งปีโต 5% เล็งปรับเปลี่ยนดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ
  • นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการค้าของโลกเปลี่ยนแปลงไป จากนี้ไปการรายงานตัวเลขส่งออกสินค้าอย่างเดียวจะไม่สะท้อนภาพความมั่งคั่งของ ประเทศที่ได้จากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศอีกต่อไป จึงต้องปรับเปลี่ยนตัวชี้วัดรายได้จากการค้าระหว่างประเทศใหม่ และจะต้องทำเป็นแบบ 4 มิติ คือ ตัวเลขการส่งออก สินค้า ตัวเลขการส่งออกภาคบริการ ตัวเลขการ ลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) และ ตัวเลขการลงทุนของธุรกิจไทยในต่างประเทศ
  • ซีเอ็นบีซีรายงานอ้างการเปิดเผยของเทรดเดอร์ที่เกี่ยวข้อง ว่า ธนาคารกลางของจีน (พีบีโอซี) ได้อัดฉีดสภาพคล่องวงเงิน 3.4 แสนล้านหยวน (ราว 1.85 ล้านล้านบาท) เข้าสู่ระบบผ่านการซื้อคืนพันธบัตรอายุ 7 วัน หลังดัชนีหุ้นของจีนตกลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยในสัปดาห์เดียวกันนี้ ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงินไปแล้วมากถึง 5.8 แสนล้านหยวน (ราว 3.16 ล้านล้านบาท)
  • นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของไทยในปีนี้มีทิศทางเป็นขาขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวต่ำสุดเมื่อกลางปีที่แล้ว และเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 3 คาดว่าเอ็นพีแอลยังปรับขึ้นไปสูงสุด (พีค) ในปลายปีนี้
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์เดือน ม.ค. 2559 ค่อนข้างทรงตัว สอดคล้องกับการปรับตัวของเงินให้สินเชื่อและเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม โดยสัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) อยู่ที่ระดับ 90.82% เทียบกับระดับ 90.81% ณ สิ้นปี 2558 ขณะที่เครื่องชี้สภาพคล่องอีกตัวหนึ่ง ได้แก่ สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวม ซึ่งปรับลดลงมาที่ระดับ 19.97% จากระดับ 20.10% ณ สิ้นปี 2558

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TRC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 2.60 บาท มองว่าผลการดำเนินงานในปี 2559 มีแนวโน้มสดใส และปี 2560-2561 บริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งบริษัทยังมีฐานะการเงินที่ดีไม่มีภาระหนี้ระยะยาวและมี D/E ratio ที่ต่ำเพียง 0.89 เท่า ด้านผลการดำเนินงาน 4Q58 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 99 ล้านบาท (+57% QoQ, +226% QoQ) สูงกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งสาเหตุหลักมาจากที่บริษัทสามารถรับรู้รายได้งานก่อสร้างได้มาก ส่งผลให้รายได้ 4Q58 โตแรงถึง 50% QoQ และ 49% YoY
  • BANPU (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 22 บาท คาดปี 59 ธุรกิจโรงไฟฟ้าของ BANPU จะเป็นตัวหนุนกำไรหลักเพราะคาดว่าโรงไฟฟ้า BLCP จะไม่หยุดซ่อมบำรุงเหมือนปี 58 อีกทั้งโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย ซึ่งจะชดเชยผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวลงตามภาวะตลาดที่ซบเซาได้ จึงปรับประมาณการกำไรปี 59 ขึ้นจาก 563 บาท เป็น 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% นอกจากนี้หาก BANPU POWER (BPP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นการเพิ่ม wealth ให้แก่ BANPU ในอนาคต
  • TPCH (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 26 บาท คาดผลประกอบการปี 2559-2560 จะถูกผลักดันโดยโครงการไฟฟ้า 4 โครงการ และเฟสแรกของ PTG ที่จะเริ่มต้นปี 2560 และหากโครงการ PTG เซ็นสัญญา PPA สำเร็จ จะเป็นปัจจัยเร่ง แต่ได้ปรับลดประมาณการปี 2559-2560 ลง 3.9-12.2% เพื่อสะท้อนโครงการที่ล่าช้า
  • PREB (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 17 บาท มีประเด็นบวกจากกำไรที่ในปี 2559 ที่คาดว่าจะโตโดดเด่น โดยเฉพาะในงวด 1H59 รวมถึงการปลดล็อคมูลค่าของ บมจ.Built Land จากการ Spin off ทั้งนี้ PREB ประกาศจ่ายปันผลปี 2558 ที่ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4% โดยขึ้น XD วันที่ 9 พ.ค. และจ่ายเงินปันผลวันที่ 26 พ.ค.
  • VIBHA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.60 บาท กำไรสุทธิ 4Q58 แกร่งเกินคาด +16.2% Q-Q, +31.9% Y-Y ทำให้ทั้งปี +23.4% Y-Y ได้อานิสงส์จาก CMR ที่โตแข็งแกร่งจากรายได้ประกันสังคม และการคุมต้นทุนที่ดี โดยได้ปรับกำไรสุทธิปี 2559-2563 ขึ้น 2-5% รพ.ในกลุ่มของวิภารามที่เปิดใหม่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาจะดีขึ้นต่อเนื่อง VIBHA มีแผนจะเปิดรพ.เพิ่มอีก 8 แห่งภายในปี 2563 พร้อมคาดกำไรปี 2559 +16.2% Y-Y โตสูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มรองจาก BCH
  • RS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 13 บาท กำไรดีกว่าคาดมาก +238% Q-Q, +748% Y-Y จากรายได้จัด Event ที่มากกว่าคาด กำไรทั้งปี -67.8% Y-Y เพราะปี 2557 มีกำไรจากบอลโลก โดยยังคาดกำไรปกติปีนี้โตเท่าตัวจาก Utilization ที่เพิ่มและการขึ้นค่าโฆษณา
  • M (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 60 บาท กำไรต่ำกว่าคาดแต่จะดีขึ้นปีนี้ กำไร 4Q58 +35.6% Q-Q ตามฤดูกาลแต่ -23.8% Y-Y จากรายได้ที่น้อยกว่าคาด และกำลังซื้อที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้ยอดสาขาเดิมยังติดลบ 8% Y-Y ทำให้กำไรปกติทั้งปี -11.6% Y-Y โดยคาดปีนี้กลับมาโต 14.7% Y-Y จากการขยายสาขา อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และการได้ BOI

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ