ATP30 คาดทยอยสรุปเจรจาลูกค้าใหม่หลายรายใน Q1/59 มั่นใจรายได้ปีนี้โตกว่า 15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 26, 2016 11:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 59 ที่ประมาณ 310 ล้านบาท หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปี 58 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการเจรจากับลูกค้าเดิมเพื่อเพิ่มจำนวนรถขนส่ง และลูกค้าใหม่ที่มีความสนใจใช้บริการจำนวนหลายราย คาดว่าจะทยอยได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1 เป็นต้นไป

บริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยการบริหารจัดการที่ดี การพัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบการดำเนินงานด้านการควบคุมการเดินรถ และเพิ่มสัดส่วนการให้บริการด้วยรถโดยสารของบริษัท จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 4/58 บริษัทมีรายได้ 67.35 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 62.79 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่ากับ 4.56 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 7.26% โดยมีกำไรสุทธิ 5.74 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.27 ล้านบาท จำนวน 4.47 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 351.96% และยังเติบโตใกล้เคียงงวด 9 เดือนของปี 58 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.05 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากในงวดไตรมาส 4/58 บริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15.79 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 23.44% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 11.11 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 17.69% ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวลดลง

สำหรับผลประกอบการปี 58 บริษัทมีรายได้ 264.27 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 234.31 ล้านบาท จำนวน 29.96 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.79% และมีกำไรสุทธิ 11.80 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.04 ล้านบาท จำนวน 3.76 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 46.77%

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.022 บาท กำหนดจ่ายปันผล 3 พ.ค.59

การที่บริษัทสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้บริษัทมีความสามารถในการพัฒนาระบบบริหารจัดการและบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง อีกทั้งยังได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่า ซึ่งบริษัทจะรักษาอัตราการเติบโตดังกล่าวไว้อย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ