ในปีนี้บริษัทยังมีการรับรู้รายได้จากการให้บริการดาวเทียมไทยคม 7 ที่มีอัตราการใช้งาน 100% เต็มปีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และจะมีรายได้จากการให้บริการดาวเทียมไทยคม 8 เข้ามาตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/59 เข้ามาเสริม ประกอบกับมีส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นในบริษัทลาวเทเลคอม (LTC) ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 25% ซึ่งคาดว่าส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในปีนี้มากกว่าปีก่อนที่ 200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทลาวเทเลคอมมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือทรงตัวจากปีก่อนที่ 16.15%
สำหรับความคืบหน้าของดาวเทียมไทยคม 8 นั้น บริษัทคาดว่าในช่วงเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถยิงดาวเทียมไทยคม 8 ขึ้นสู่วงโคจรได้ โดยปัจจุบันดาวเทียมไทยคม 8 นั้นมียอดจองเพื่อใช้บริการช่องสัญญาณล่วงหน้า (Presale) แล้ว 17% ซึ่งก่อนกำหนดยิงขึ้นอยู่วงโคจรจะมียอด Presale เพิ่มเป็น 30-40% ซึ่งเป็นจุดคุ้มทุนของดาวเทียมไทยคม 8 และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมียอดจองอยู่ที่ 50% และตั้งเป้ายอดจองใช้ช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม 8 เต็ม 100% ในปี 61 ทั้งนี้บริษัทใช้งบลงทุนในโครงการดาวเทียมไทยคม 8 จำนวน 180 ล้านเหรียญ โดยก่อนยิงดาวเทียมนี้จะต้องจ่ายส่วนที่เหลืออีก 30 ล้านเหรียญ
ส่วนโครงการดาวเทียมไทยคม 9 ที่จะใช้เป็นดาวเทียมสำหรับการใช้งานบรอดแบรนด์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้และความคุ้มค่าในการลงทุน และสำรวจความต้องการในการใช้ช่องสัญญาณ หลังได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คาดว่าจะส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรพิกัด 19.5 องศาตะวันออกได้ภายในปี 62 หรือปี 63 และจะต้องมีอัตราการเช่าช่องสัญญาล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 50%
ด้านการเจรจาต่อสัญญากับ NBN พันธมิตรออสเตรเลีย ในการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ (ดาวเทียมไทยคม 4) ที่ NBN นั้นสัญญาจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 60 นั้น บริษัทคาดว่าจะมีการเจรจากับพันธมิตรดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้เรื่องการต่อสัญญา และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้เช่นกัน โดยหาก NBN มีการต่อสัญญาเพิ่มนั้นจะต่อสัญญาไปถึงปี 64 ซึ่งเป็นปีที่ดาวเทียมไอพีสตาร์ครบกำหนดอายุการใช้งาน ซึ่งบริษัทมองว่ามีโอกาสสูงที่พันธมิตรออสเตรเลียจะต่อสัญญา เนื่องจากยังมีความต้องการใช้ช่องสัญญาณสูงในประเทศออสเตรเลีย
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเดินทางไปให้ข้อมูลแก่นักลงทุน(Road Show) ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยหวังให้ข้อมูลแก่นักลงทุนเพื่อทำความเข้าใจในบริษัทมากขึ้น และเปิดเผยแผนธุรกิจ ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างชาติถือหุ้นราว 20% อย่างไรก็ดี บริษัทไม่ได้คาดหวังให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาถือหุ้นเพิ่ม แต่เป็นการสร้างความเข้าใจแก่นักลงทุนมากกว่า