บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโต 16% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.4 แสนล้านบาท เนื่องจากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ทรงตัวเท่ากับปีก่อน
อีกทั้งยังเป็นไปตามการเติบโตตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 8.7 ล้านตันในปีนี้ จากปีก่อน 7 ล้านตัน เป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการ Cepsa สเปน ที่มีกำลังการผลิต 7.2 แสนตัน/ปี และ BP Decatur สหรัฐฯ ที่มีกำลังการผลิต1.02 ล้านตัน/ปี โดยคาดว่ากระบวนการเข้าซื้อกิจการจะแล้วเสร็จในครึ่งแรกของปีนี้ นอกจากนี้ โรงงาน MEG ที่สหรัฐจะกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน มี.ค.หลังจากมีการปิดปรับปรุงในระยะหนึ่ง
ส่วนคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 35-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยเชื่อว่าราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และแนวโน้มจะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ค่าเงินทั่วโลกมีแนวโน้มอ่อนค่าไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท
นายอาลก กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วงปี 59-61 (ไม่รวมการซื้อกิจการใหม่) ไว้ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เงินกู้ยืม และ การออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการเติบโต 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา 0.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
"ปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการอื่นเพิ่มเติม หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทเข้าซื้อกิจการทั้งหมด 6 แห่ง ส่วนการแตกไลน์ธุรกิจอื่นต่อไป ในเร็วๆนี้คงยังไม่มี แต่ก็ยอมรับว่าที่ผ่านมามีหลายบริษัทเข้ามาเสนอขายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจแน่นอนในตอนนี้"นายอาลก กล่าว