“คาดว่าจะมีการจัดแถลงการณ์เพื่อให้ความชัดเจนเกี่ยวกับการร่วมทุน และเปิดเผยถึงแผนการลงทุนในเร็วๆนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอีกด้วย" นายเกรียงไกร กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโรงงานผลิตเสาส่งแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคม และชุบกัลวาไนซ์ เพื่อจำหน่ายและบริการในเมียนมา มูลค่าประมาณ16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 576 ล้านบาท นายเกรียงไกร กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทย่อย และจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 61
"การลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อรองรับการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าและการสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศเมียนมา ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯและบริษัทย่อยในอนาคต อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอสซีไอในประเทศเมียนมา ที่นอกเหนือจากการไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตเสาส่งแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมและชุบกัลวาไนซ์ โดยเงินที่ใช้ในการลงทุนในครั้งนี้มาจากเงินที่รับจากการขายหุ้นไอพีโอ และส่วนหนึ่งมาจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน" นายเกรียงไกรกล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารในปี 59 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ตามแผนการขยายการลงทุนระบบเสาส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยล่าสุดบริษัทได้เริ่มผลิตงานโครงการเสาส่งของกฟผ.ขนาด 500 กิโลโวลต์ ซึ่งได้เริ่มผลิตในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา
ขณะนี้บริษัทมีงานในมืออยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท และคาดว่าจะได้งานของกฟผ. เพิ่มอีก 500 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่นเข้ารับงานโครงการเสาส่ง 500 กิโลโวลต์ ในประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการสั่งซื้อจากผู้รับเหมา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 59 เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันในส่วนของเสาสื่อสารโทรคมนาคมในปีนี้คาดว่าจะเติบโตโดยได้รับอานิสงส์จากการลงทุนระบบ 4 จีของภาคเอกชนเป็นหลัก
สำหรับผลดำเนินงานของบริษัทในปี 58 ยังคงมีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่องจากปี 57 ที่ผ่านมาคือ 187ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเดินหน้าลงทุนระบบสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการลงทุนระบบเสาส่ง 4 จีของภาคเอกชน ที่มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากการรับรู้รายได้จากงานโครงการในต่างประเทศนั้นมีการรับรู้รายได้ลดลงจากปี 57 จึงทำให้ผลประกอบการในปี 58 ปรับตัวลดลงจากปี 57
อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการรับเหมาในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าจำหน่ายเฟส 2 ที่สปป.ลาว ซึ่งคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ภายในไตรมาส 1/59