DRT มองตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศปี 59 ยังทรงตัวเน้นขยายตลาดส่งออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 29, 2016 11:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) กล่าวถึงแผนดำเนินงานในปี 59 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 5% จากปีที่ผ่านมา โดยมองแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศยังทรงตัว ดังนั้นทิศทางการทำตลาดในปีนี้ยังคงเน้นขยายตลาดส่งออกอย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ กลุ่มประเทศ CLMV+I (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนามและอินโดนีเซีย) ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อาทิ อินเดีย จีน และไต้หวัน

ทั้งนี้ ปัจจุบัน DRT มีสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกที่ 16% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียนและตั้งเป้าหมายระยะยาวในปี 2561 จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากตลาดส่งออกเป็น 20% เนื่องจากตลาดวัสดุก่อสร้างในอาเซียนยังมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศกัมพูชาและเมียนมาร์ที่ DRT เข้าไปทำตลาดภายใต้แบรนด์สินค้า DIAMOND มานานหลายปี โดยรุกสร้างแบรนด์ผ่านสื่อโฆษณาเพื่อสร้างการจดจำ พร้อมออกบูธในงานแสดงสินค้าที่สร้างการยอมรับในด้านคุณภาพสินค้าจากผู้บริโภค จึงเชื่อมั่นว่าสินค้าของ DRT จะสามารถเพิ่มยอดขายในตลาดต่างประเทศได้ตามแผน

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/58 (ตุลาคม-ธันวาคม) บริษัททำกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230.64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้อยู่ที่ 908.80 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของก่อน ซึ่งกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากความสำเร็จในการทำตลาดประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม) ที่มีอัตราเติบโตเป็นเลข 2 หลักและกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์เป็นสินค้าที่ขยายตัวได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทอื่นๆ ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลดีต่อผลภาพรวมผลประกอบการในปี 58 โดยเฉพาะตัวเลขกำไรสุทธิที่ DRT สามารถทำได้ 330.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 289 ล้านบาท ขณะที่รายได้อยู่ที่ 4,165.12 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยที่ DRT ทำกำไรสุทธิในรอบปี 58 เพิ่มขึ้นแม้ภาวะเศรษฐกิจและตลาดวัสดุก่อสร้างภายในประเทศยังอยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจาก DRT มีความแข็งแกร่งในการทำตลาดต่างประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ผู้บริโภคจึงให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพสินค้าและมีตัวแทนจำหน่ายที่มีความแข็งแกร่งร่วมกันทำตลาดเพื่อผลักดันยอดขาย รวมถึงสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการบริหาร Product Mix เพื่อสร้างกำไรที่ดีในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายอีกด้วย

“จากภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว แต่เรายังสามารถรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรเฉลี่ย 75% ได้ตลอดทั้งปี จากแผนการทำตลาดที่มุ่งเน้นตอกย้ำแบรนด์สินค้าตราเพชรทั้งด้านคุณภาพและความหลากหลายของสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบสนองความต้องการลูกค้าได้เป็นอย่างดีจึงทำกำไรสุทธิในรอบปี 58 ให้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้ตัวเลขยอดขายทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนก็ตาม" นายสาธิต กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ