ขณะที่บริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่า Backlog ไว้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท โดยบริษัทได้รับงานบางส่วนของโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงินกว่า 20,000 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ CCP ได้รับออเดอร์ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
"หากความต้องการของตลาดมีมากขึ้น บริษัทก็มีความพร้อมในการผลิตสินค้าคอนกรีตทุกรูปแบบ และมีกำลังการผลิตที่เพียงพอ ที่จะรองรับความต้องการคอนกรีตรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่"นายอาทิตย์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/58 ว่า มีรายได้รวมจำนวน 595.80 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจำนวน 18.67 ล้านบาท หรือลดลง 3.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 614.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ(ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่) 16.70 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจำนวน 0.40 ล้านบาท หรือลดลง 2.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ(ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่) 17.10 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 58 มีรายได้รวมจำนวน 2,414.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ(ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่) จำนวน 53.66 ล้านบาท
ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากในปีที่ผ่านมาแม้ว่างานภาครัฐบาลจะมีการขยายตัวค่อนข้างดี ดังจะเห็นได้จากผลประกอบการเฉพาะกิจการของบริษัททีมีการเติบโตตลอด 3 ไตรมาส แต่ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจเอกชนอื่นๆยังคงชะลอการลงทุน ทำให้กลุ่มสินค้าของกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวตามตลาด ทำให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อย
ขณะที่คณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 เพื่อพิจารณาอนุมัติหลักการเพื่อขอออกและเสนอขายหุ้นกู้เป็นวงเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยการออกหุ้นกู้ทุกชนิด ทุกประเภทที่ไม่ใช่หุ้นกู้แปลงสภาพและไม่ใช่หุ้นกู้ควบใบสำคัญแสดงสิทธิฯ และเสนอขายให้ ประชาชนทั่วไป (Public Offering) เสนอขายต่อผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ผู้ลงทุนสถาบัน รวมถึงการเสนอขายในและต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางเลือกทางการเงินเพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อย ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และรวมทั้งอาจชำระคืนหนี้เดิม เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน