สำหรับการเติบโตในปีนี้ยังมาจากความต้องการสินเชื่อที่ยังอยู่ในระดับสูง จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัวอยู่ ประกอบการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นอีก 450 สาขา ซึ่งใช้เงินลงทุนในการขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท และสิ้นปีนี้บริษัทจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 1,350 สาขา จากสิ้นปี 58 มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 900 สาขา “เราประเมินว่าการปล่อยสินเชื่อที่เติบโตขึ้นและรายได้ที่เติบโตขึ้นนั้น คาดว่าจะส่งผลต่อกำไรสุทธิในปีนี้เติบโตราว 50% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ส่วนยอดปล่อยสินเชื่อที่เติบโตมากขึ้นนั้นเรายืนยันว่าในช่วง 1-2 ปีนี้จะยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนใดๆ เพราะตอนนี้ D/E เราอยู่ในระดับต่ำที่ 1.3 เท่า เรายังมีความสามารถในการกู้ได้สูง ซึ่งแบงก์ให้เรากู้ได้ 4 ต่อ 1"นายชูชาติ กล่าว
ด้านสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าปล่อยกู้เพิ่มอีก 500 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปล่อยไปแล้ว 110 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังครองอันดับ 1 ในการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ทั้งระบบ ขณะที่สินเชื่อที่ดินที่บริษัทเพิ่งเริ่มดำเนินการนั้นในปีนี้ตั้งเป้าปล่อยอีกกว่า 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปล่อยไป 240 ล้านบาท
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบริษัทในปีนี้จะคุมให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.5% จากปัจจุบันอยู่ในระดับ 0.9% ซึ่งบริษัทมีระบบเก็บและติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับ ลูกค้าส่วนใหญ่ตระหนักถีงการติดแบล็กลิสต์ เพราะอาจส่งผลต่อการขอกู้จากบริษัทไฟแนนซ์รายอื่น
บริษัทคาดว่าจะต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ตั้งเพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท หรือมาอยู่ที่ 335 ล้านบาท จากปี 57 อยู่ที่ 311 ล้านบาท โดยการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นในปีนี้เป็นไปตามการขยายตัวของสินเชื่อ เพื่อให้ความสามารถในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นตาม โดย Coverage Ratio ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 256% ตามการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่บริษัทมีแผนการตัดหนี้สูญออกไตรมาสละ 2-3 ล้านบาทในปีนี้ โดยมูลค่าการตัดหนี้สูญของบริษัททั้งปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 14 ล้านบาท
นายชูชาติ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 50% ทั้งยอดปล่อยสินเชื่อ รายได้ และกำไร ซึ่งมาจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่งเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าหลายรายกันมาขอสินเชื่อกับบริษัท ซึ่งบริษัทเริ่มเห็นแนวโน้มของความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นแล้วในช่วง 2 เดือนนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการเพิ่มปริมาณสภาพคล่องของหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด (Free Float) หลังจากไปโรดโชว์ที่ประเทศมาเลเซียในวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศมีความติดขัดที่จะเข้ามาถือหุ้นเพิ่ม เพราะมีง Free Float ของหุ้นต่ำเพียง 20% ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องมีการหารือในที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อน
อย่างไรก็ตาม นายชูชาติ ยืนยันว่า กลุ่มของตนเองยังไม่มีแผนขายหุ้นออกมา โดยปัจจุบันถือหุ้นรวม 70% และในกลางเดือนมีนาคมนี้บริษัทมีแผนไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงกับ บล.ยูบีเอสและบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)