ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายจะเติบโตยอดขายในฟิลิปปินส์ให้เท่ากับยอดขายแบรนด์ของบริษัทภายในประเทศในปัจจุบัน ในอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายในการเพิ่มยอดขายของบริษัทให้ได้ 10,000 ล้านบาทภายในปี 3 ปีนับจากนี้
นอกจากนั้น บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้บริษัทเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืนในอนาคตได้ โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต การลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการดำเนินงาน ตลอดจนการพัฒนาบุคคลากร และการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงผลสำเร็จภายในปี 59 และปีต่อๆ ไป
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติเพื่อนำเสนอผู้ถือหุ้นขออนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทต่อไปในอนาคต ซึ่งจะขออนุมัติต่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เมษายน 2559 ในวันจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท
ส่วนผลประกอบการปี 58 มีรายได้รวม 5,512 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 14 และมีกำไรสุทธิ 330.7 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 7.8 ผู้บริหารเผยเป็นผลสำเร็จจากการปรับกลยุทธ์เร่งขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น พร้อมเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บมจ.มาลีกรุ๊ป
“ผลประกอบการของบริษัทในปี 58 ถือว่าบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย กล่าวคือ ยอดขายโตถึง 14% แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศจะยังเติบโตได้ดีไม่มากนัก แต่ด้วยกลยุทธ์ในปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นตลาดส่งออกมากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเติบโตของยอดขายได้ค่อนข้างดี โดยการส่งออกในปีที่ผ่านมาเติบโตสูงถึงร้อยละ 44 ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งในส่วนของสินค้าแบรนด์ของบริษัท และธุรกิจรับจ้างผลิต" นางสาวรุ่งฉัตร กล่าว