J เป้าปี 59 รายได้โต 30% ตามการขยายสาขา-เล็งขึ้นค่าเช่าพื้นที่ 5-15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 29, 2016 18:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุปรีชา อังธีระนุวงศ์ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 59 เติบโตราว 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 506 ล้านบาท จากแผนขยายสาขารวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 10 สาขา ทั้งธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า ภายใต้ชื่อ IT Juntion ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 47 สาขา คาดว่าจะเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 8 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯปริมณฑล และต่างจังหวัด

ขณะที่ธุรกิจในรูปแบบตลาดชุมชน ภายใต้ชื่อ J Market เปิดให้บริการแล้วจำนวน 4 แห่ง เพิ่มอีก 1 สาขา และ ศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) ภายใต้ชื่อ The Jas เปิดให้บริการแล้วจำนวน 2 แห่ง จะเพิ่มอีก 1 สาขาย่านศรีนครินทร์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพรีเซล มียอดขายพื้นที่แล้วประมาณ 30-40% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายไตรมาส 4/59

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างสรุปขั้นตอนสุดท้ายของการลงทุนตั้งตลาดนัด"J Ninght"แห่งแรก บนพื้นที่ 8-10 ไร่ คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้

นายสุปรีชา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทวางลบงทุนรวมไม่น้อยกว่า 650 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้และกำไรให้แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจ IT Juntion มีสัดส่วนรายได้ราว 80% ธุรกิจ J Market ตลาดชุมชนมีสัดส่วนราว 5% และธุรกิจ The Jas ศูนย์การค้าชุมชน อีกราว 15% โดยบริษัทตั้งเป้าภายใน 4 ปีจากนี้สัดส่วนรายได้น่าจะขยับเป็น 60:20:20 ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทยังมีแผนปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าพื้นที่ในโครงการของบริษัททุกแห่งขึ้นราว 5-15% โดยมีการพิจารณาปรับเพิ่มในพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตที่ดีมาโดยตลอด รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ครบรอบสัญญาเช่าพื้นที่ ซึ่งจะคำนึงถึงทำเลเป็นหลัก และเพื่อไม่ให้กระทบกับลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่แตกไลน์ออกไป แต่ก็ยังคงอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยขณะนี้ก็อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหาข้อสรุปในการลงทุนว่าจะเป็นไปในลักษณะใด ซึ่งบริษัทสนใจใน 3 แนวทาง คือ การเข้าไปรับบริหาร ,การเข้าซื้อกิจการ และการเข้าร่วมลงทุน หวังว่าภายในปีนี้ก็น่าจะเห็นความชัดเจน

ส่วนเงินลงทุนต่าง ๆ ในปีนี้บริษัทยังมีเงินเหลือจาก IPO และกระแสเงินสด อีกทั้งยังสามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีก จากสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่ที่เพียง 1 เท่า

"เรามองการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งหมด ทั้งการรับบริหาร เข้าซื้อกิจการ หรือการเข้าไปร่วมลงทุน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ว่าจะเป็นในลักษณะใด เพราะยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทหลายราย แต่เราก็คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ได้ ส่วนเงินลงทุนเราถือว่ามีความพร้อมหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัทรัพย์ฯ ทำให้เราสามารถใช้เครื่องมือต่างๆได้อีกมากหากมีการลงทุนเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามดีลนี้ยังไม่รวมมาเป็นรายได้ของปีนี้ แต่หากสรุปได้ทันก็อาจจะส่งผลให้เป้าหมายรายได้เติบโตได้มากกว่าที่ตั้งไว้"นายสุปรีชา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ