ทั้งนี้ ในปี 58 นี้บริษัทมีโครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เพิ่ม 5 โครงการ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ B-Loft สุขุมวิท 115 โครงการ B.Republic สุขุมวิท 101/1 โครงการ Villa Lasalle สุขุมวิท 105 โครงการ Pause สุขุมวิท 107 A และ โครงการ Pause สุขุมวิท 107 B ตามลำดับ
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า จากการเติบโตของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปี 58 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิอยู่ในระดับสูง โดยอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ 42.85% และอัตรากำไรสุทธิ 18.81% อีกทั้งต้นทุนโครงสร้างการเงินที่ปรับลดลงจากการเพิ่มทุน IPO ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ลดลงเหลือ 0.91 เท่าจากเดิม 5.66 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD Ratio) ลดลงเหลือ 0.40 เท่า จากเดิม 3.60 เท่า ซึ่งส่งผลดีต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจได้ดีขึ้น
“ผลการดำเนินงานในปี 58 ที่ผ่านมา ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทฯ ได้พยายามทำงานอย่างหนักและเต็มที่เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ สร้างสรรค์โครงการคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้อยู่อาศัย พร้อมทั้งมอบการบริการหลังการขายที่ประทับใจเสมอมา สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/59 มองว่ายังปรับตัวคึกคัก เพราะด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้" นายพีระพงศ์ กล่าว