พร้อมกันนี้ บริษัทคาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 5% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยประมาณ 25-26% เนื่องจากมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำบริษัทมีอำนาจการต่อรองในแง่ของราคาวัตถุดิบ รวมถึงราคาสินค้ายังอยู่ในระดับคงเดิมหรืออาจมีลดลงเล็กน้อยตามสภาวะเศรษฐกิจ
"เราคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตจากธุรกิจที่มีอยู่ที่มีออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับงานจากภาครัฐประเภทระบบน้ำประปาชุมชน-ชนบททั่วประเทศที่ขณะนี้มีงานในมือแล้ว 300 ล้านบาท น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้รายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่เราก็ได้มีการเจาะตลาดอาเซียนเพิ่มมากขึ้น เพื่อดันยอดขายสินค้าในธุรกิจหลัก"นายบุญชัย กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศ 2 รายเพื่อขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งห้องคลีนรูม และสินค้าด้านความปลอดภัย เพื่อหาโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 รายภายในปีนี้ โดยรูปแบบความร่วมมือเป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนและการเข้าซื้อกิจการ ขึ้นกับขนาดฐานทุนของธุรกิจดังกล่าว
"รายละเอียดในด้านของเงินลงทุนและแนวทางการลงทุนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เบื้องต้นพันธมิตร 1 ราย มีโอกาสสูงที่จะยอมรับเงื่อนไขการทำธุรกิจ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในปีนี้"นายบุญชัย กล่าว
นายบุญชัย กล่าวว่า สำหรับธุรกิจน้ำ บริษัทคาดว่าในปีนี้จะเป็นโอกาสในการเติบโตที่สำคัญ จากการรับงานก่อสร้างระบบประปาชุมชนวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 500 ล้านบาท หลังจากได้เซ็นสัญญารับงานมาแล้วรวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเริ่มทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยแต่ละโครงการจะใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 6-8 เดือน คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจน้ำในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 25% จากปีก่อนอยู่ที่ราว 10% ส่วนสัดส่วนรายได้จะมาจากกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และกลุ่มสินค้าและบริการด้านการควบคุมสภาพแวดล้อมจะอยู่ที่ 75%
ด้านธุรกิจหลักด้านสินค้าด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเห็นสัญญาณการเติบโตมีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีศักยภาพ และการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในกลุ่มลูกค้าหลัก อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ และปิโตรเคมี ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตสินค้าในการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น สำหรับลูกค้ากลุ่มราชการ บริษัทได้เตรียมสินค้าเพื่อเข้าประมูลงานในหลายๆหน่วยงาน เพราะมั่นใจสินค้าและราคาสามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดขายในกลุ่มลูกค้าเดิมจะอยู่ในระดับราว 600-700 ล้านบาท และจะมียอดขายในกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยได้เตรียมเงินทุนหมุนเวียนราว 100-200 ล้านบาทเพื่อรองรับการประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนในการเพิ่มสัดส่วนการขายในตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการขายสินค้า House Brand และการขยายตัวแทนจำหน่าย เบื้องต้นมีเป้าหมายที่กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม (CLMV) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น คาดว่าจะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 โดยคาดหวังสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3% และมีส่วนแบ่งการตลาดราว 20% ในธุรกิจชีวอนามัยและความปลอดภัย