MILL คาดปี 59 ผลงานโตกระโดดรับดีมานด์-ราคาเหล็กเพิ่มชัดเจน,EBITDA Margin ดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 2, 2016 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวจุรีรัตน์ ลปนาวณิชย์ กรรมการ บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 59 มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด เนื่องจากตั้งแต่ช่วงต้นปีความต้องการเหล็กและราคาเหล็กในประเทศเพิ่มขึ้นชัดเจน รวมถึงมั่นใจว่าจะมีการบริหารต้นทุนการดำเนินงานได้ดีขึ้น คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้สูงกว่าปีก่อน

นอกจากนี้ตามที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมติลาวา (Thilawa) ประเทศเมียนมาร์ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในต้นปี 2559 โดยจะมีกำลังการผลิตอีก 60,000 ตัน เพื่อจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน จะทำให้ความสามารถในการผลิต และความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น โดยจะส่งผลให้ EBITDA Margin จาก operation ในปี 59 มีแนวโน้มสูงกว่าปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ

นางสาวจุรีรัตน์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองกับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามากว่า 2 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจหลักมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลที่มีความชัดเจน ประกอบกับบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นที่มาจากผลิตภัณฑ์เหล็กลวด เข้ามาเสริม

และทางบริษัทได้วางแผนไปถึงอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าในปี 63 จะปรับสัดส่วนการผลิตและจำหน่ายเหล็กคุณภาพพิเศษที่มีมูลค่าเพิ่มให้เกินกว่า 50% ของเหล็กทั้งหมด โดยจะเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังได้ในต้นปี 59 ซึ่งเหล็กชนิดดังกล่าวจะมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูงกว่าเหล็กเส้นปกติ เนื่องจากราคาของเหล็กเกรดพิเศษจะอยู่ในช่วงระหว่าง 20-40 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่เหล็กเส้นจะมีราคาเฉลี่ยเพียง 14 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วนผลการดำเนินงานปี 58 บริษัทพลิกกลับมีกำไรสุทธิ 756 ล้านบาท ขณะที่อีบิทด้า (Ebitda) เพิ่มขึ้นเป็น 1,699 ล้านบาท โดยรายได้รวมสูงขึ้นเป็น 13,660 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 3,171 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 57 เป็นผลมาจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น เป็น 809,569 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 58% เนื่องจากบริษัทสามารถผลักดันยอดขายได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากโครงการของภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้หากแยกปริมาณการขายตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ พบว่ากลุ่มเหล็กเส้น มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นถึง 33% กลุ่มเหล็กรูปพรรณเพิ่มขึ้น 18% เหล็กแท่งทรงยาวเพิ่มขึ้น 82%

"กำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทมีต้นทุนจากการขายและการให้บริการที่ลดลงหากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่ดีขึ้น และการบริหารต้นทุนที่ดีนอกจากนี้บริษัทสามารถดำเนินการชำระหนี้สินกับสถาบันการเงินตามสัญญา ทำให้ต้นทุนการเงินลดลง ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นด้วย" นางสาวจุรีรัตน์ กล่าว

ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นในปี 58 มีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5,860 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30% จากผลการดำเนินงานของบริษัท และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับธนาคารกรุงเทพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ