"บิ๊กซี ตั้งมาตั้งแต่ปี 1994 ประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถสร้างมูลค่าเป็น 2 แสนล้านบาทใน 20 ปี ก่อนหน้านี้เราเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แต่พอมาปี 1997 มีวิกฤตก็ลดสัดส่วนเหลือ 25% ปัจจุบันก็ถือ 25% อนาคตธุรกิจก็ยังดีมั่นคง แต่การที่โตมา 20 ปี ตอนนี้ก็อยู่ในระดับที่ใหญ่แล้ว growth ยังมีอยู่แต่คงไม่หวือหวาเหมือน 20 ปี แต่ยังเป็นธุรกิจที่ดีจึงยังไม่มีนโยบายที่จะขาย"นายทศ กล่าว
นอกจากนั้น นายทศ ระบุอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเบียร์และสุราที่ใหญ่ที่สุดของไทย หลังจากเข้ามาซื้อหุ้น BIGC ในสัดส่วน 58.56% จากกลุ่มคาสิโน และเตรียมคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ BIGC ในลำดับต่อไปด้วย
นายทศ กล่าวอีกว่า กลุ่มเซ็นทรัล ยังให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการบิ๊กซีในประเทศเวียดนามด้วย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าไปร่วมเสนอราคาซื้อกิจการดังกล่าวหรือไม่ เบื้องต้นทราบว่าจะมีการเสนอราคาครั้งแรกในวันที่ 10 มี.ค. ขณะที่มีผู้สนใจหลายรายทั้งญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม โดยประเมินมูลค่าบิ๊กซี เวียดนามที่ระดับประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
"BIGC ไทย เราเป็นผู้บุกเบิก จากที่ไทยไม่มีไฮเปอร์มาร์เก็ตเลยจนมาถึงวันนี้ 20 ปีแล้ว growth ยังมีอยู่ แต่คงไม่หวือหวาหมือน 20 ปีที่แล้ว จะโตก้าวกระโดดเหมือนในอดีตหรือเปล่าไม่มั่นใจเพราะฐานใหญ่มากแล้ว ส่วนบิ๊กซี เวียดนาม ที่ประกาศขายอยู่ เราก็สนใจ แต่ยังไม่ตัดสินใจ Bid เพราะคนสนใจเยอะมาก ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนามก็สนใจ เพราะเวียดนามการซื้อขาย complex กว่าไทย ซึ่งเราก็ต้องดูเงื่อนไข ส่วนเหตุผลที่จะเข้าไป Bid หรือไม่ อยู่การซื้อขายที่ complex อย่างเดียว เหตุผลอื่นไม่มี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่มีผลกระทบ ตอนนี้เรามียอดขายในเวียดนาม 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ถ้าได้ก็เพื่มอีกเท่าตัว แต่ถ้าไม่ได้เงินลงทุนเราก็ยังมี option อีกเยอะ" นายทศ กล่าว