ส่วนในด้านของค่าใช้จ่ายในการทำตลาด โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ณ จุดขาย บริษัทจะมีความเข้มข้นในการเลือกช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสม ซึ่งพิจารณาถึงจุดคุ้มทุนของยอดขายของสาขาต่อค่าใช้จ่าย เพื่อไม่ให้เกิดต้นทุนที่สูงเกินความจำเป็นและเป็นภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท และส่งผลต่ออัตราการทำกำไรของบริษัท โดยบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดในการเจาะกลุ่มลูกค้าทุกช่องทางให้เกิดประสิทธิภาพในการตอบรับและจดจำแบรนด์สินค้ามาสเตอร์คูลมากขึ้น เป็นการปรับเป็นใช้การขายนำแบรนด์ จากเดิมที่ใช้แบรนด์นำการขาย
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท สำหรับการขยายคลังสินค้า และการจัดการระบบโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายสินค้าที่จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 40% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งจำเป็นจะต้องมีการสต๊อกสินค้า (Inventory) เพื่อรองรับช่วงฤดูการขาย ในช่วงหน้าร้อน ที่จะมีกำลังซื้อเข้ามาในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ในการทำการตลาดในทุกช่องทาง เชื่อมั่นว่า จะทำให้ยอดขายของบริษัทในปีนี้เติบโตประมาณ 40% เทียบกับปีก่อน ที่มียอดขายอยู่ที่ 640 ล้านบาท และยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 6-7%ได้ ซึ่งยอดขายที่ได้นั้นจะมาจากสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปีก่อนมีการส่งออกอยู่ที่ 17-18% และการจำหน่ายสินค้าในประเทศ 80%