บลจ.กรุงศรี ออกกองตราสารหนี้ตปท.อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทน 1.75% ขายถึง 7 มี.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 3, 2016 12:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M23 (KFFAI6M23) อายุกองทุนประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศหรือเงินฝาก ซึ่งนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 1.75% ต่อปี (ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนที่ 0.12% ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) โดยจะเสนอขายจนถึงวันที่ 7 มี.ค.

สำหรับตราสารหนี้ต่างประเทศหรือเงินฝากที่จะลงทุน ได้แก่ เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 23% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน , มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 23% เงินฝากธนาคาร Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน , ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 23% เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน , ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 23% และเงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 8% ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

หลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป

โดยกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M23 เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน

"สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ ให้ความเห็นว่า ตัวเลขตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้เฟดสามารถตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยได้หลายครั้งในปีนี้ ด้านธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่าจีนสามารถเพิ่มงบประมาณขาดดุลได้ถึง 4% ของจีดีพี และมีหนี้สินได้ถึง 70% ของจีดีพี เนื่องจากหนี้ภาครัฐอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าทางการจีนจะใช้มาตรการทางการคลังมากระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น และยังมีขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินเพิ่มเติม รวมถึงยังมีเครื่องมืออีกหลากหลายที่สามารถนำมาใช้ในกรณีที่การเติบโตของเศรษฐกิจมีความเสี่ยงในด้านขาลง"นางสาวศิริพร กล่าว

นางสาวศิริพร กล่าวว่า ตามข้อมูลของบลจ.กรุงศรี ณ วันที่ 26 ก.พ. อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับขึ้น 0.02%-0.03% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของตราสารที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ปรับลดลง 0.02% – 0.04% ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้น 0.01% – 0.08% โดยที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ