ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดเช้าพุ่ง 15.19 จุด โบรกฯมองสภาพคล่องท่วมหนุนเงินไหลเข้าหุ้นใหญ่นำตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 3, 2016 12:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,380.50 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด (+1.11%) มูลค่าการซื้อขาย 33,574.25 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก และมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่เข้ามาอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสาร แบงก์ และพลังงาน นักวิเคราะห์ฯ มองว่าได้รับแรงหนุนจากสภาพคล่องของโลกสูง-Bond Yield ต่ำทั่วโลก อีกทั้งตลาดฯ คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ECB วันที่ 10 มี.ค.และประชุมเฟดกลางเดือนนี้ยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย คาดช่วงบ่ายอาจจะชะลอลงบ้างหลังจากขึ้นไปแรง ให้แนวต้านที่ระดับ 1,400 ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,357 และ 1,350 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,380.50 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด (+1.11%) มูลค่าการซื้อขาย 33,574.25 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,383.47 จุด และทำระดับต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,370.87 จุด

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง จากสภาพคล่องของโลกที่ยังค่อนข้างสูง ประกอบกับ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับต่ำทั่วโลก ทำให้เกิดการปรับพอร์ตเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ช่วงก่อนหน้านี้เม็ดเงินไหลเข้ามาในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) ,กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ก่อนจะเริ่มเข้ามาลงทุนในหุ้นปันผลและหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่ได้เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

"พื้นฐานเราดีขึ้นฉับพลันหรือไม่ ก็ไม่ใช่ เป็นเรื่องของสภาพคล่องล้วนๆ มีความคาดหวังเชิงบวกต่อการประชุม ECB ว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ต่อมาก็เป็นคิวของ BOJ และการประชุมเฟดก็คงไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตลาดเล่นดักหมดแล้ว...หุ้นขึ้นมาเร็วจากเงินทุนไหลเข้า สภาพคล่องท่วม Bond Yield ที่ต่ำติดดิน ทำให้เกิดการปรับพอร์ตโยกมายังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น"นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)และนอนโอเปก แต่หากผลออกมาไม่มีมาตรการใดเป็นรูปธรรมก็อาจจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานได้

รวมถึงหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่ดีดตัวขึ้นจากความคาดหวังเชิงบวกต่อกรณีกลุ่มบมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) อาจไม่มีความพร้อมในการจ่ายค่าใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz ก็จะทำให้ผู้ประกอบการมือถือรายที่ 4 ไม่เกิดขึ้น ทำให้การแข่งขันลดลง และยังมีใบอนุญาตว่างอีก 1 ใบ ทำให้เกิดการเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสารด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระมัดระวังการลงทุนในระยะหลังจากนี้ เพราะการที่ดัชนีดีดตัวขึ้นมามากจากความคาดหวังในด้านต่างๆ แต่หากออกมาไม่เป็นไปตามคาดหวังก็อาจจะทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไร โดยเฉพาะบริเวณแนวต้านสำคัญที่ 1,400 จุด เพราะในช่วงที่ผ่านมากำไรของ บจ.ในปี 58 ยังลดลงต่อเนื่องจากปี 57 ด้วย

ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีจะยังเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่อง หลังจากดัชนียืนเหนือเส้น 200 วันที่ระดับ 1,372 จุดได้ทำให้ยังเห็นเป็นสัญญาณบวก แต่อาจจะเริ่มชะลอตัวลงได้บ้างหลังดัชนีดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยมองแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,400 จุด และแนวรับที่ 1,357 และ 1,350 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,922.71 ล้านบาท ปิดที่ 179.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,064.95 ล้านบาท ปิดที่ 3.12 บาท ลดลง 0.06 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,940.62 ล้านบาท ปิดที่ 74.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,460.52 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท

BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,329.62 ล้านบาท ปิดที่ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ