ทั้งนี้ แม้สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศมีความชัดเจนในทางที่ดีขึ้น แต่มองว่างานโครงการต่างๆ ของภาครัฐบาล การบริโภคในประเทศ และการลงทุนจากภาคเอกชนยังออกมาไม่มากเท่าที่ควร จึงประเมินภาพรวม TKS จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับสัดส่วนการเติบโตของลูกค้าในประเทศ ทั้งการขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มธนาคาร และการออกโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงกิจกรรมการตลาดของลูกค้ากลุ่ม Discount Store เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองหาโอกาสจากการลงทุนอื่นๆ เพื่อสนับสนุนให้ TKS เติบโตยิ่งขึ้น โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ข้อสรุปในการร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดย TKS ได้ให้บริษัทลูก คือ บริษัท เทคโน พริ้นท์ แอนด์ เพ็ค จำกัด ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 100% เข้าไปถือหุ้นร่วมกับญี่ปุ่น โดยบริษัทถือหุ้น 51% โดยเริ่มดำเนินการติดตั้งตัวเครื่องจักรในไตรมาส 2/59 และจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/59 วางงบลงทุนรวม 100 ล้านบาท
บริษัทคาดว่า 3 ปีจะถึงจุดคุ้มทุนสำหรับธุรกิจนี้ โดยจะร่วมมือกันเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์เดิมของ บริษัทให้สามารถขยายตลาดด้านสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ไปยังลูกค้ารายใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ในประเทศแบบ เดิม
ส่วนการเจรจากับพันธมิตรเพื่อนบ้าน สำหรับประเทศที่บริษัทสนใจเข้าไปลงทุนเป็นประเทศแรก คือ สปป.ลาว เพื่อรับงานสิ่งพิมพ์ปลอดการทำเทียม (แบบพิมพ์ซีเคียวริตี้) แบบ Turn Key ของภาครัฐหลังจากนั้นจะขยายไปในประเทศอื่นๆได้แก่กัมพูชาและเมียนมาร์ ตามลำดับ
“ในปีที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนต่างๆ ยังไม่ออกมาตามที่เราคาดไว้ จึงต้องติดตามปัจจัยดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปี 59 นี้เติบโต 20% หรืออยู่ที่ประมาณ 1,650 ล้านบาท โดยบริษัทวางงบลงทุนปีนี้ไว้ราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นในส่วนของการร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่นและที่เหลือใช้ใน การซื้อ เครื่องจักร ปัจจุบันมีงานในมือ 1,200 ล้านบาท จะรับรู้ในปี 59 ทั้งหมด"นางสาวศิริวรรณ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวดประจำปี 2558 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,368.09ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1,558.33 ล้านบาท หรือลดลง 12.20 % ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 285.36 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 270.70 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 5.41 %
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2558 และกำไรสะสม จากก่อนหน้านี้ได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยจะจ่ายปันผลในงวดครึ่งปีหลังอีกในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลในรอบปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 31 มีนาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 พฤษภาคม 2559
“ภาพรวมผลงานในปี 2558 มีรายได้เติบโตไม่มากนัก ส่วนกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 5.41% จากการได้รับงานโครงการของรัฐบาล รวมทั้งงานพิมพ์พิเศษและแบบพิมพ์ปลอดการทำเทียมซึ่งมีสัดส่วนมาร์จิ้นสูง เข้ามาสนับสนุน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยบอร์ดบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในงวดครึ่งปีหลังอีก ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท จากก่อนหน้านี้ได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเงินจ่ายปันผลในรอบปี 2558 จำนวน 0.50 บาทต่อหุ้น" นางสาวศิริวรรณ กล่าว