GTB วางเป้าปี 59 รายได้ทะลุพันลบ.ลุยเปิด"เวียดนามโมเดล"รุกหนักอาเซียน-ขยายการผลิต-ฝึกพนง.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 3, 2016 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจตาแบค (GTB) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 1 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 8% จากปีก่อนที่มีรายได้กว่า 900 ล้านบาท โดยจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 30% และอัตรากำไรสุทธิ 7% พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ขยายลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการส่งออกในสัดส่วน 15% ของรายได้รวม ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ค่าบริการอีกด้วย

GTB เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ (Steam Boiler) ระบบเผาไหม้ (Combustion Engineering) งานวิศวกรรมพลังงานความร้อน (Thermal Energy Engineering) อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และงานบริการเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไอน้ำที่มีมาตรฐานและได้ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว ปากีสถาน บังคลาเทศ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ขณะเดียวกัน บริษัทยังผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำให้กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำที่มีชื่อเสียงในประเทศเยอรมนี เบลเยียม และญี่ปุ่น ในแบบ OEM และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ รวมถึงอุปกรณ์ประกอบต่างๆ จากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีศักยภาพและความโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์นั้นๆ

นายสุชาติ กล่าวว่า หลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น บริษัทจะเดินหน้าแผนงานที่กำหนดไว้ โดยหนึ่งในนั้นเป็นโครงการเปิดสำนักงานขายและบริการในต่างประเทศในรูปแบบการตั้งสำนักงานขายและบริการ หรือสำนักงานสาขา โดยเน้นกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จีน และเอเชียใต้ คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 25 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการปี 59-60 เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าจาก ณ วันที่ 30 ก.ย.58 มีอยู่ 500 รายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเป็นลูกค้าที่ให้บริการอย่างต่อเนื่องประมาณ 150 ราย

ปัจจุบัน บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อยที่มีสำนักงานและคลังสินค้ากึ่งโรงงานในเวียดนาม ซึ่งจะใช้เป็นโมเดลต้นแบบในการบุกตลาดต่างประเทศ เบื้องต้นจะครอบคลุมทุกประเทศในอาเซียน เนื่องจากมองว่าจะเป็นช่องทางในการขยายฐานลูกค้า สร้างรายได้เสริมจากการให้บริการเข้ามายังบริษัทมากขึ้น เพราะบริษัทย่อยดังกล่าวจะนำเข้าชิ้นส่วนหลักจากโรงงานในประเทศไทยและใช้ชิ้นส่วนย่อยภายในท้องถิ่นไปประกอบเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในเวียดนาม พร้อมทั้งให้บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุง จึงเชื่อว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น

นายสุชาติ กล่าวว่า บริษัทจะปรับรูปแบบของตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซียและมาเลเซียตามโมเดลของเวียดนาม จากนั้นจะทยอยปรับรูปแบบของเอเย่นต์ในประเทศอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มาก เพราะเป็นลักษณะของการเช่าพื้นที่

"การมีบริษัทย่อยในประเทศนั้นๆ จะมีความสามารถในการให้บริการการหาลูกค้าและการทำการตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายในอนาคต ขณะที่ ตลาดอาเซียนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี รวมถึงในประเทศไทย และเกือบทุกอุตสาหกรรมมีความจำเป็นต้องใช้ Steam Boiler โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น หรือแม้กระทั่งสนามบินสุวรรณภูมิที่ใช้ Boiler ในระบบปรับอากาศ เช่นเดียวกัน" นายสุชาติ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการขยายพื้นที่การผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานระยอง คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้อีก 20-25% ในช่วงปี 58-60 ลงทุนรวม 90.50 ล้านบาท, โครงการขยายกำลังผลิตโรงงานบางพลี เพิ่มพื้นที่อีก 10-15% ปี 58-59 ลงทุน 9.75 ล้านบาท

โครงการวิจัยและพัฒนาระบบเผาไหม้ วงเงินลงทุน 7 ล้านบาทในช่วงปี 59-60, โครงการพัฒนาโปรแกรมคำนวณและออกแบบทางวิศวกรรม และการจัดตั้งหน่วยงานวิศวกรรมออกแบบ คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 30 ล้านบาทระยะเวลาดำเนินการปี 59-60

รวมทั้ง โครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมลูกค้า พนักงาน และบุคคลทั่วไป คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาทในช่วงปี 59-60 ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจนี้ เนื่องจากขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องกำเนิดไอน้ำหาได้ยาก ซึ่งในปัจจุบันทางบริษัทมีพนักงานประมาณ 400 คน และครึ่งหนึ่งเป็นวิศวกรและช่างชำนาญการที่จำเป็นต้องได้รับการอบรมในเทคนิคชั้นสูง

นายสุชาติ ยังกล่าวว่า ตลาดของเครื่องกำเนิดไอน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศมีอัตราเติบโตที่ดี ซึ่งในตลาดบนทางบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% เนื่องมาจากเครื่องตัวนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่สามารถใช้ในอุตสาหกรรมได้ทุกประเภท โดยบริษัทมีการผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำ ขนาด 1 ตันไอน้ำถึง 150 ตันไอน้ำ มีกำลังอัตราการผลิต 600-700 ตันไอน้ำ

ทั้งนี้ นอกจากจะมีรายได้จากการขายเครื่องกำเนิดไอน้ำแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจในการให้บริการและซ่อมบำรุงซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 10-20% ของรายได้รวมในแต่ละปี และสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอในทุกๆเดือน เนื่องจากตัวเครื่องกำเนิดไอน้ำ มีอายุการใช้งาน 20 ปี แต่จำเป็นต้องมีการให้ดูแลอยู่ตลอด

สำหรับรายได้จากค่าบริการจะมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะถ้าหากเกิดสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยต่อการขายอย่างเช่นตัวอย่างวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 ทางบริษัทสามารถที่จะย้ายบุคลากรจากฝ่ายผลิตไปเป็นการให้บริการกับลูกค้าแทนได้จึงทำให้เป็นสาเหตุหลักที่ทางบริษัทยังสามารถรักษากำไรไว้ได้ แม้ยอดขายจะตกลงไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ