“แม้ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ค่อยสดใสนัก แต่ในปี 58 ที่ผ่านมาเรายังสามารถทำรายได้รวมแตะ 5,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 24.7% จากปี 57 และมีกำไรสุทธิ 1,320 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 31.5% จากปี 57 สูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ เนื่องมาจากการบริษัทรับรู้รายได้จากงานโครงการหลักๆ อาทิ The TUPI Compression Module และงาน FPSO Module (P75&P77) ของ QGI ที่สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา หลังจากชะลอการดำเนินโครงการบางส่วนเมื่อช่วงกลางปี 58 ที่ผ่านมาอีกด้วย ทั้งนี้ ในปี 59 เรายังคงเป้าการเติบโตต่อเนื่องโดยไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน" นายยู ยูน กล่าว
นายยู ยูน คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 1/59 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 4/58 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2.51 พันล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 559 ล้านบาท แต่คาดว่าจะสูงกว่าไตรมาส 1/58 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 161 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งมอบงานของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่จะมีการรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/59 จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ทั้งหมด 3.7 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด และในส่วนของอัตรากำไรสุทธิในปีนี้บริษัทจะรักษาระดับไว้ที่ 23% เท่ากับปีก่อน
สำหรับงบลงทุนรวมของบริษัทในปีนี้วางไว้ที่ 50-100 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและเครื่องจักร โดยปีที่แล้วใช้เงินลงทุนไปที่ 95 ล้านบาท