SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,379.33 จุด เพิ่มขึ้น 14.02 จุด (+1.03%) มูลค่าการซื้อขาย 61,922.00 ล้านบาท ตลาดฯ ดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สามตามแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ดันดัชนีปิดในระดับสูงสุดรอบกว่า 3 เดือน นักวิเคราะห์ฯเผยรับปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือ 35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลหนุน แต่ต่อจากนี้อาจมีแรงขายทำกำไรโดยเฉพาะที่ 1,380 จุดหลังขึ้นมาเร็วและแรงสวนทางภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ ให้แนวต้าน 1,382-1,386 แนวรับ 1,365 และ 1,360 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,379.33 จุด เพิ่มขึ้น 14.02 จุด (+1.03%) มูลค่าการซื้อขาย 61,922.00 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปรับขึ้นทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,383.47 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,369.94 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 528 หลักทรัพย์ ลดลง 568 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 341 หลักทรัพย์
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงเป็นวันที่สาม รับปัจจัยหนุนเม็ดเงินไหลเข้าระยะสั้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) หลังจากค่าเงินหยวนเริ่มทรงตัวไม่อ่อนตัวมากเกินไป รวมถึงราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพจากที่ราคายืนเหนือระดับ 35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้คาดหวังจะมี upside gain จากการที่รัสเซียและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ใกล้บรรลุข้อตกลงระหว่างกันในการจำกัดการผลิตน้ำมันในการประชุมกลางถึงปลายเดือนมี.ค.นี้
ตลาดยังมีความคาดหวังการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กลางเดือนมี.ค.ก็คงไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนักลงทุนสถาบันมีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มสื่อสาร แบงก์ และพลังงาน ช่วยหนุนภาพรวมการลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาพการกลับเข้ามาซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในช่วงนี้ยังไม่ชัดเจน โดยคาดว่าเมื่อดัชนีดีดขึ้นมาระดับ 1,380 จุดจะมีนักลงทุนบางส่วนเริ่มทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง เพราะสภาพเศรษฐกิจของประเทศยังมีความสุ่มเสี่ยงต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงไตรมาส 1/59 อีกทั้ง ยังมีความเสี่ยงจากภาวะภัยแล้งด้วย
นอกจากนี้ยังต้องจับตาปัจจัยภายนอกประเทศ หากการประชุมต่างๆไม่ได้ออกมาอย่างที่ตลาดคาดหวังก็อาจจะทำให้ตลาดมีแรงขายทำกำไรออกมาด้วย ประกอบกับนับแต่ต้นปีราคาหุ้นในกลุ่มหลักทั้งพลังงาน แบงก์ และสื่อสาร ต่างปรับตัวขึ้นมาเกิน 10% แล้ว ซึ่งเพียงพอต่อการที่นักลงทุนจะชะลอลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ในระยะต่อไป
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดอาจจะย่อตัวลงมาเล็กน้อย ตามแรงขายทำกำไรที่น่าจะมีออกมา แต่เชื่อว่าจะยังไม่เห็นการปรับลงแรงๆในช่วงนี้ โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,382-1,386 และแนวรับที่ 1,365 และ 1,360 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 4,675.65 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,428.29 ล้านบาท ปิดที่ 74.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,144.48 ล้านบาท ปิดที่ 3.12 บาท ลดลง 0.06 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,931.39 ล้านบาท ปิดที่ 422.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,928.29 ล้านบาท ปิดที่ 7.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท