การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,389.24 จุด และทำระดับต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,380.14 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นเหมือนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เนื่องจาก Flow ยังคงไหลเข้าอยู่ ดูได้จากเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนของภาครัฐฯเข้ามาเพิ่มเติม แต่ในส่วนนี้เชื่อว่าน่าจะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มากกว่า ขณะที่ยังมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 10 มี.ค.ซึ่งก็คาดว่าอาจจะมีการเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นอกจากนี้ยังคาดว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบการประชุมกลางเดือนมี.ค. คงจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับที่ผ่านมาหุ้นไทยก็ปรับตัวลงไปมากแล้วด้วย ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการได้เห็นแรงซื้อหุ้นไทยในช่วงนี้ อย่างไรก็ดีให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันนี้ด้วย
"จากนี้ไป SET อาจจะปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 1,400 จุด ก็ได้ แต่ก็คงจะต้องมีปัจจัยเข้ามาช่วยหนุนด้วย ซึ่งระยะสั้นจะเห็นได้ว่าหุ้นได้ขึ้นไปเยอะแล้ว ดังนั้น จึงควรจะหาจังหวะในการล็อก profit โดยหาจังหวะเมื่อหุ้นขึ้นก็ให้ขายทำกำไรออกมาก่อน"นายธนเดช กล่าว
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะผันผวนมากขึ้น แม้ว่าจะมีภาพของการปรับขึ้น แต่ก็มี upside ไม่มาก และหุ้นคงจะแกว่งตัวมากขึ้น เนื่องจากตลาดต่างประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการ take profit ซึ่งถ้าบ่ายนี้ตลาดภูมิภาคมีแรง take profit ตลาดหุ้นไทยก็อาจจะถูก take profit ตามด้วยก็ได้
พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
DTAC มูลค่าการซื้อขาย 2,020.31 ล้านบาท ปิดที่ 38.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,515.18 ล้านบาท ปิดที่ 181.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,078.24 ล้านบาท ปิดที่ 73.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,057.57 ล้านบาท ปิดที่ 470.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,044.87 ล้านบาท ปิดที่ 144.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท