ทั้งนี้ นายประกอบเกียรติ มองแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยปีนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยก็ได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวไว้ค่อนข้างดีซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่การเมืองนั้นก็ค่อนข้างมีเสถียรภาพแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์ภัยธรรมชาติด้านต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้
"ปีนี้กำไรจากการดำเนินงานก็คงจะทำสถิติสูงสุดใหม่ ซึ่งเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ ซึ่งในปีนี้แนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะดีขึ้นหากไม่มีปัญหาการเมือง หรือภัยธรรมชาติเข้ามา แต่เบื้องต้นเรามองว่าการเมืองก็เริ่มนิ่งแล้ว แต่ภัยธรรมชาติเรายังไม่สามารถประเมินได้"นายประกอบเกียรติ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/59 คาดว่าจะดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากหลังจากผลประกอบการในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.) ปริมาณการเติมเติบโตมาแล้วถึง 8% และคาดว่าในเดือนนี้ก็ยังจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจากับกองทัพอากาศ (ทอ.) เพื่อเข้าไปเป็นผู้ให้บริการเชื้อเพลิงทางท่อในสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 59 นี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมองหาโอกาสการเข้าไปให้บริการเชื้อเพลิงทางท่อหรือการเข้าไปรับบริหารในสนามบินต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบันบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีการเข้าลงทุนในการลงทุนในโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ มูลค่าโครงการ 7,759 ล้านบาท จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 61 และภายหลังจากนั้นจะเริ่มสร้างรายได้เข้ามา ซึ่งปีแรกคาดว่าจะสร้างรายได้ 400-500 ล้านบาทและจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สำหรับเงินทุนของโครงการนี้จะนั้นจะมาจากการเพิ่มทุนของ FPT ราว 3.4 พันล้านบาท และที่เหลือจะมาจากการกู้ยืมเงินจากกสถาบันทางการเงิน ทั้งนี้ปัจจุบัน FPT มีรายได้ 600-700 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ดีในอนาคตหากต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นก็อาจจะมีการพิจารณานำ FPT เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น