"กำไรปีก่อนที่ลดลงเป็นผลมาจากการโอนโครงการคอนโดศุภาลัย เวลลิงตัน ที่มีมาร์จิ้นต่ำ และค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ดินและภาระดอกเบี้ยของเราได้ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปีก่อนลดลงค่อนข้างมาก และส่งผลต่อกำไรสุทธิในปีก่อน แต่ปีนี้ Effect จากการโอนเวลลิ่งตันลดลงไปมากแล้ว และค่าใช้จ่ายต่างๆเราก็พยายามควบคุมให้ลดลง ก็คาดว่ามีโอกาสที่กำไรจะทำนิวไฮใหม่อีกครั้ง"นายไตรเตชะ กล่าว
นายไตรเตชะ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าไตรมาส 1/59 จะทำยอดขายพรีเซลได้ 5 พันล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นราว 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลัง 2 เดือนที่ผ่านมาในปีนี้บริษัททำยอดขายพรีเซลได้แล้ว 3.13 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 2.4 พันล้านบาท และส่วนที่เหลืออีก 730 ล้านบาท เป็นยอดขายพรีเซลจากโครงการแนวสูง โดยปัจจัยที่ทำให้ยอดขายพรีเซลในไตรมาสแรกปรับตัวดีขึ้นนั้นมาจากโครงการแนวราบที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าหลังจากวันที่ 28 เม.ย. 59 ที่มาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง จะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทมีโอกาสชะลอตัวลงเล็กน้อย ทั้งนี้บริษัทยังมั่นไจว่ายอดขายพรีเซลของบริษัทในปีนี้จะเป็นตามที่ตั้งไวิ 2.45 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 2.3 หมื่นล้านบาท
ส่วนงบลงทุนรวมปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 2.12 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อที่ดิน 8 พันล้านบาท ซึ่งใช้เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่ไช้ไป 7.2 พันล้านบาท และงบก่อสร้างปีนี้ตั้งไว้ 1.32 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไป 1.01 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนหนึ่งจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และบริษัทจะมีการออกหุ้นกู้ในปีนี้อีก 7-8 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง อายุ 3-3.5 ปี ซึ่งจะขายเป็นล๊อตละ 1-1.5 พันล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่จะออกมีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จทยอยครบกำหนดอายุในปีนี้มูลค่า 3-4 พันล้านบาท และที่เหลือหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อนำมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนและการลงทุนของบริษัท
"เรามีแผนว่าจะขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เมษานี้ เพื่อเพิ่มวงเงินหุ้นกู้อีก 1 หมื่นล้านบาท เพื่อออกหุ้นกู้ไนปีนี้ทั้งทดแทนของเก่าที่ครบอายุและออกใหม่ ตอนนี้สภาพดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 2.25% ต่อปีซึ่งเป็นแนวทางที่เราสนใจมาก เพราะดอกเบี้ยจากการกู้แบงก์สูงที่ 6-7% ต่อปี ทำให้การออกหุ้นกู้ส่งผลให้เรามีต้นทุนทางการเงินที่สดลง"นายไตรเตชะ กล่าว
ด้านการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้วางแผนเปิดโครงการใหม่ 29-35 โครงการ มูลค่าโครการรวม 3.65 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 22-25 โครงการ และเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 7-10 โครงการ โดยปีนี้บริษัทยังวางแผนขยายไปในตลาดภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม จำนวน 14 โครงการ ในต่างจังหวัด แบ่งเป็น โครงการบ้านจัดสรร 13 โครการ และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ซึ่งไนปัจจุบันมีจังหวัดที่รุกเข้าไปพัฒนาโครงการแล้วจำนวน 10 จังหวัด ได้แก เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต อุดรธานี ข่อนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา และจังหวัดใหม่ที่รุกเข้าไปในปีนี้ คือ นครศรีธรรมราช ส่งผลให้มีสัดส่วนยอดขายจากต่างจังหวัดในปีนี้เพิ่มเป็น 25% จากปีก่อน 22%