ทั้งนี้คาดว่าการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จะมีมูลค่าการระดมทุนราว 2.7 แสนล้านบาท หรือมีหุ้นเข้าจดทะเบียน 30-40 บริษัท ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ 41 บริษัท โดยคาดว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มโลจิสติกส์ อาหาร และกลุ่มธุรกิจใหม่ๆที่เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลบทุนมากขึ้นด้วย
"ในช่วง 1-4 มี.ค. มียอดเข้าซื้อสุทธิของต่างชาติถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ก็คงเป็นผลมาจากที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี และถือว่าดีที่สุดในภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ และเลือกที่จะเข้าลงทุน เนื่องจากมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีจะเห็นได้จากช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมาตัวเลขการส่งออกของไทยลดลงราว 9% แต่ประเทศอื่นๆ ลดลงไปถึงตัวเลข 2 หลัก ในขณะเดียวกันก็จะมีบริษัทฯใหม่ๆที่มีธุรกิจที่หน้าสนใจเข้ามาระดมทุนในตลาดเพิ่มเติม ทำให้เรามองว่าปีนี้แนวโน้มต่างชาติจะเป็นซื้อสุทธิมากกว่า"นางเกศรา กล่าว
ทั้งนี้คาดว่าการเสนอขาย IPO จะมีมูลค่าการระดมทุนราว 2.7 แสนล้านบาท หรือมีหุ้นเข้าจดทะเบียน 30-40 บริษัท ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ 41 บริษัท โดยคาดว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มโลจิสติกส์ อาหาร และกลุ่มธุรกิจใหม่ๆที่เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลบทุนมากขึ้นด้วย
นางเกศรา กล่าวถึงดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาว่า ในช่วงนี้ก็จะยังมีความผันผวน และมีความเสี่ยงอยู่ เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในประเทศ และต่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ อาทิ นโยบายทางการเงินของประเทศหลักๆ ที่อาจจะมีทิศทางที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนของตลาดเงินโลกแต่อย่างไรก็ตาม หากเลือกการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานดี และผลประกอบการที่ดี เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ